ทะเบียนเข้าพัก (ร.ร.4) และบัตรผู้เข้าพัก (ร.ร.3) ที่โรงแรมต้องส่งให้กับกรมการปกครองและมีเก็บไว้เพื่อตรวจสอบ มีความเสี่ยงด้าน PDPA อย่างไร

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : ไพศาล สามิภัตย์

ทะเบียนเข้าพัก (ร.ร.4) และบัตรผู้เข้าพัก (ร.ร.3) ที่โรงแรมต้องส่งให้กับกรมการปกครองและมีเก็บไว้เพื่อตรวจสอบ มีความเสี่ยงด้าน PDPA อย่างไร

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : ไพศาล สามิภัตย์

     จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง เก็บข้อมูลผู้เข้าพักอย่างไร ในขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าพัก (Checked-in Process) ให้ถูกต้องตาม PDPA ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการเก็บข้อมูลเมื่อลูกค้าเข้าพักซึ่งเป็นจุดที่มีการเก็บข้อมูลผู้เข้าพักครั้งแรกโดยโรงแรมมีหน้าที่แจ้งประกาศความเป็นส่วนตัวและการขอความยินยอมกรณีที่อาจมีการเก็บข้อมูลอ่อนไหวเมื่อโรงแรมไม่สามารถหาฐานทางกฎหมายมารองรับได้ ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงกิจกรรมที่มีความต่อเนื่องจากการลงทะเบียนเข้าพัก นั่นก็คือ กระบวนการการนำส่งทะเบียนผู้เข้าพัก (ร.ร.4) ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่โรงแรมต้องส่งรายละเอียดผู้เข้าพักให้กับกรมการปกครอง รวมถึงเราจะมาพิจารณาถึงความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

     กิจกรรมการนำส่งเอกสารการเข้าพักให้กับราชการ ในการลงทะเบียนเข้าพักนั้น เอกสารที่โรงแรมมีหน้าที่ต้องนำส่งหน่วยงานราชการมีอยู่ด้วยกัน 2 เอกสาร คือ

1) เอกสารทะเบียนผู้เข้าพัก หรือ  ร.ร.4 ให้กับกรมการปกครอง และ

2) เอกสาร ตม.30 ที่ต้องนำส่งให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งผู้เขียนจะนำไปกล่าวถึงในบทความถัดไป

     สำหรับเอกสาร ร.ร.3 หรือ บัตรทะเบียนผู้พักโรงแรม เป็นเอกสารที่กรมการปกครองกำหนดให้โรงแรมต้องจัดให้มีการบันทึกรายการต่างๆ เกี่ยวกับผู้พักและจํานวนผู้พักในแต่ละห้องทันทีที่มีการเข้าพัก โดยให้ผู้พักคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อในบัตรทะเบียนผู้พัก หากผู้พักมีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์และเข้าพักตามลําพัง ให้ผู้จัดการหรือผู้แทนลงลายมือชื่อกํากับไว้และ

ภาพแสดงตัวอย่าง แบบฟอร์มใบ ร.ร.3

   โรงแรมต้องนําไปบันทึกลงในทะเบียนผู้พัก (ร.ร.4) ให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากมีการลงทะเบียนเข้าพัก

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บใน ร.ร.3 ที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด อาชีพ สัญชาติ ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ มากจากที่ใด และจะไปที่ใด เลขบัตรประชาชน และรายละเอียดต่างๆในบัตร รายละเอียดการเข้าพัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่โรงแรมจะทำการพิมพ์แบบฟอร์ม ร.ร.3 เพื่อให้ผู้เข้าพักทำการกรอกรายละเอียดเอง จากนั้นโรงแรมจะนำข้อมูลดังกล่าวกรอกในแบบ ร.ร.4 ซึ่งเป็นแบบฟอร์มทะเบียนผู้พักโรงแรม ซึ่งโรงแรมมีหน้าที่ต้องส่งสําเนาทะเบียนผู้พัก (ร.ร. 4) ในแต่ละวันไปให้นายทะเบียนทุกสัปดาห์แล้วให้นายทะเบียนทําใบรับมอบให้ไว้เป็นสําคัญ หากโรงแรมอยู่ห่างไกลหรือไม่สามารถส่งได้ตามกําหนดดังกล่าว ให้นายทะเบียนพิจารณากําหนดระยะเวลาส่งสําเนาดังกล่าวและแจ้งให้ผู้จัดการทราบ โดยข้อมูลที่มีการเก็บใน ร.ร.4 ได้แก่ วันที่เข้าพัก ชื่อนามสกุล สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชนหรือเลขพาสปอร์ต ที่อยู่ อาชีพ รายละเอียดการเดินทาง

ภาพแสดงตัวอย่าง แบบฟอร์มใบ ร.ร.4

    ในการเก็บข้อมูล ร.ร.3 และ ร.ร.4 นั้น เป็นการจัดเก็บตามกฎหมาย ได้แก่ พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ดังนั้น โรงแรมสามารถอ้างฐานปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) มาตรา 24(6) ในการใช้และเปิดเผยได้ ทั้งนี้ โรงแรมต้องมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการประมวลผลดังกล่าวในประกาศความเป็นส่วนตัวให้ผู้เข้าพักทราบเมื่อมีการเก็บข้อมูลครั้งแรก ซึ่งอาจแจ้งในขั้นตอนที่มีการลงทะเบียนเข้าพักก็ได้

     เนื่องการส่งเอกสารดังกล่าวในปัจจุบันนั้นโรงแรมสามารถส่งรูปแบบออนไลน์ได้ แต่สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับ PDPA คือ เมื่อโรงแรมนำส่งเอกสารให้กับหน่วยงานราชการแล้ว เอกสารที่มีอยู่ทั้งรูปแบบออนไลน์และรูปแบบกระดาษโรงแรมควรจัดการอย่างไร เพราะข้อมูลที่มีอยู่นั้นถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงกระทบต่อตัวเจ้าของข้อมูล หากเกิดการรั่วไหลหรือเกิดการละเมิดข้อมูล

     หลักการการจัดเก็บหนึ่งที่โรงแรมควรคำนึงคือ หลักการเก็บข้อมูลตามระยะเวลาที่จำกัด (Storage limitation) โดยเมื่อหมดระยะเวลาการจัดเก็บตามกฎหมายแล้วควรทำลายทิ้ง ในการเก็บรักษา เนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บอาจมีทั้งข้อมูลที่เป็น Hard copy และ Soft file เอกสาร Hard copy โรงแรมควรมีการจัดเก็บในพื้นที่มีการกำหนดการเข้าถึงว่าบุคคลระดับใดบ้างที่เข้าถึงได้และ อาจมีการล็อคกุญแจ ในส่วนเอกสาร Soft file ซึ่งต้องมีการนำส่งกรมการปกครองผ่านทางเว็บไซต์และอาจมีการเก็บไว้ในฐานข้อมูล โรงแรมควรมีการกำหนดการเข้าถึงของข้อมูล ว่าบุคคลในระดับใดบ้างที่เข้าถึงได้ และควรมีการกำหนดรหัสการเข้าถึงเพื่อเป็นการป้องการการรั่วไหลของข้อมูลด้วย

     เมื่อนำส่งเอกสารให้กับกรมการปกครองแล้ว เอกสารบัตรทะเบียนผู้พัก (ร.ร.3) และทะเบียนผู้พัก (ร.ร.4) โรงแรมต้องมีการเก็บไว้อย่างน้อย 1 ปี เพื่อการตรวจสอบจากกรมการปกครอง เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย ตามมาตรา 35 พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 และเมื่อครบกำหนดการจัดเก็บโรงแรมต้องกำหนดวิธีการทำลายเอกสารให้ชัดเจน เช่น การเผา การลบ การทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม หรือการใช้เครื่องย่อยเอกสาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของโรงแรม

     กระบวนการนำส่งทะเบียนผู้เข้าพัก (ร.ร.4) ให้กับกรมการปกครองและบัตรผู้เข้าพัก (ร.ร.3) เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญเนื่องจากมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากขั้นตอนการจองห้องพัก มีการเก็บข้อมูลจำนวนมาก หากโรงแรมไม่มีมาตรการที่เพียงพอในเก็บการรักษาหรือปฏิบัติตามหลักการเก็บข้อมูลตามระยะเวลาจำกัด (Storage limitation) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พัก ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความสำคัญและระมัดระวัง เพราะจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเข้าใช้บริการ รวมถึงเพื่อป้องกันโอกาสในการรั่วไหลหรือการล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อเป็นการสร้างมั่นใจให้กับผู้เข้าพัก ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลในกิจกรรมนี้ ว่าเมื่อมาใช้บริการของท่านแล้ว ข้อมูลจะได้รับการคุ้มครองอย่างมั่นคงและปลอดภัย

วิทยากร E-Larning-13
ไพศาล สามิภัตย์
ที่ปรึกษากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จาก PDPA Thailand

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีข่าวการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการกระทำของแฮกเกอร์ที่เข้ามาเจาะระบบ ทั้งจากการป้องกันการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลที่หละหลวม PDPA Thailand และวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 นับจากวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่กฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ PDPA Thailand จึงรวบรวมเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึง พ.ศ.2566 มาให้ดูกัน     เมษายน 2561 ข้อมูลลูกค้า True Move H หลุดรั่ว ฐานข้อมูลลูกค้า Truemove H ที่สมัครซื้อซิมพร้อมมือถือผ่าน iTruemart หลุดรั่วจำนวน 64,000 ราย ที่มา https://www.beartai.com/news/it-thai-news/233905   กันยายน 2563 โรงพยาบาลสระบุรี ถูกแรนซัมแวร์โจมตี “โรงพยาบาลสระบุรี” ถูกไวรัสแรนซัมแวร์ แฮกฐานข้อมูลระบบบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลประวัติเก่าหรือให้บริการออนไลน์ได้ ที่มา https://www.sanook.com/news/8248818/   กุมภาพันธ์ 2564 ที่ว่าการอำเภอถลาง ใช้กระดาษรียูส ด้านหลังเป็นใบสำเนามรณบัตร สาวจดทะเบียนสมรส ได้ใบเสร็จพ่วงมรณบัตร สาเหตุจากการใช้กระดาษรียูสในการออกใบเสร็จ แต่เคสนี้เจ้าหน้าที่เผลอนำใบสำเนามรณบัตรมาใช้ ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/south/2543643   สิงหาคม 2564 Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี สายการบิน Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี คนร้ายลอบขโมยข้อมูลลูกค้าออกไปได้กว่า 100GB ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล, เพศ, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่ และอีเมล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เช่น
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวไกลไปมากทำให้การดำเนินการต่าง ๆเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น ตั้งแต่การเดินทางรวมถึงกระบวนการทำงานต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในองค์กรที่มีการนำวิทยาการนำมาใช้ ได้แก่ สถานพยาบาลนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนั้นมีนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความสะดวกสบาย เช่น ใช้หุ่นยนต์ในการส่งแฟ้มเอกสารระหว่างแผนก หรือการใช้ระบบต่างเพื่อรวบรวมข้อมูลคนไข้ไว้ที่เดียวกันเพื่อสะดวกต่อการค้นหา ซึ่งกระบวนการหนึ่งที่มีการใช้งานได้แก่ การส่งต่อรูปถ่าย ซึ่งปัจจุบันนั้นวัตถุประสงค์หลัก ๆในการส่งรูปถ่ายจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการรักษาหรือติดตามอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ มันมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้เป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีการใข้ข้อมูลภาพถ่ายจะต้องใช้อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องตามหลักของ PDPA ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ถือว่าเป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ จากที่เราทราบกับข้อมูลอ่อนไหว ได้แก่ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายคนไข้นั้นถือได้ว่าเป็นข้อมูลสุขภาพ ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการคุ้มครองและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561 ที่นี้เมื่อทราบว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว จึงจำเป็นต้องมีแนวหรือหลักการเพื่อให้การใช้ข้อมูลรูปถ่ายเป็นไปตามหลักของ PDPA หากจำเป็นต้องใช้ ต้องทำอย่างไร โดยหลักการของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ข้อมูลตราบเท่าที่จำเป็น เช่นกัน การใช้ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ก็ควรจะต้องมีการใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเช่นกัน โดยเมื่อจำเป็นต้องมีการเก็บมูล จำเป็นต้องมีการขอความยินยอมก่อน รวมถึงมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลภาพถ่ายคนไข้ ซึ่งการแจ้งประกาศนั้นอาจจะมีเป็นการแจ้งเป็นประกาศความเป็นส่วนตัวของ คนไข้หรือลูกค้าตามแต่กรณี ต่อมาในการใช้งานหรือประมวลผลควรใช้เท่าที่จำเป็นซึ่งได้แก่ใช้เพื่อรักษาหรือติดตามอาการเท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อเหตุอื่น ถามว่าการเอารูปถ่ายคนไข้ให้หมอท่านอื่นดูได้หรือไม่ เพราะบางครั้งหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้นอาจจำเป็นต้องมีการนำภาพคนไข้ เพื่อปรึกษากับหมอท่านอื่น ตัวอย่างเช่น กรณีคนไข้มารักษาสิว เมื่อทำการรักษาแล้วหากพบว่าบริเวณที่รักษามีปัญหาขึ้นมา กรณีเช่นนี้หากเป็นไปเพื่อการรักษาและติดตามอาการก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงความจำเป็นดังกล่าว โดยอาจจะสื่อสารผ่านตัวประกาศความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วนั้นหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้ต้องมีความระมัดระวังในการเผยแพร่รูปถ่ายคนไข้ด้วย แม้จะมีการแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือคนไข้แล้วก็ตาม โดยหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้น ควรมีความระมัดระวังในการที่จะไม่เผยแพร่ภาพถ่ายคนไข้ดังกล่าวไปสู่หมอ รวมถึงบุคลกรทางการแพทย์ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนไข้ให้รับทราบ นอกจากนี้ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันนั้นวิทยาการด้านการสื่อสารสามารถส่งต่อข้อมูลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางอีเมล Messenger เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อมีการส่งข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ไป จำต้องมีคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ตัวอย่าง ไม่ควรส่งรูปถ่ายคนไข้ผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะ เช่น Line เป็นต้น หรือหากจำเป็นต้องมีการส่งจริง ๆก็ควรมีมาตรการในการป้องกันการเข้าถึงด้วยตัวอย่างเช่น อาจจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัส โดยส่งรหัสดังกล่าวไปให้ปลายทางรับทราบพียบท่านเดียวเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าวถึงมือผู้รับจริง และมีเพียงแต่ผุ้รับรหัสเท่านั้นที่จะสามารถเปิดดูข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ได้ โดยภาพรวมนั้นสถานพยาบาลมีกิจกรรมหลาย ๆกิจกรรมที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มี่ความอ่อนไหว เช่น กิจกรรมการนำภาพถ่ายคนไข้มาใช้เพื่อติดตามผลการรักษาคนไข้ ทั้งนี้สามรถทำได้แต่จำเป็นต้องมีแนวทางหรือกระบวนการบางอย่างมาเป็นมาตรฐานในการส่งต่อข้อมูล นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง Hotel reservation ไม่เกี่ยวกับ PDPA จริงหรือ ? ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการจองที่พักในหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ เอเย่น walk-in ในวันนี้เราจะมากล่าวถึงกระบวนการที่ต่อเนื่องกันคือ กระบวนการการรับส่งจากสนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ไปยังโรงแรม ในบางกรณีผู้เข้าพักบางท่านอาจมีความต้องการใช้บริการรถรับส่งเพื่อให้รับจากสนามบินมายังโรงแรมเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก รูปแบบการรับส่งที่สนามบินโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Inhouse limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง Outsource limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม ในกรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง (Inhouse limousine)  โดยทั่วไปข้อมูลของผู้เข้าพักจะถูกโรงแรมเก็บมาแล้วจากขั้นตอนการจองห้องพัก แต่อาจมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นการยืนยันตัวผู้เข้าพักอีกครั้ง การนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการนี้ โรงแรมต้องมีการระบุวัตถุประสงค์นี้เข้าไปในประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก (Privacy notice) และแจ้งให้ผู้เข้าพักทราบในขั้นตอนการรับจองห้องพัก หรือจะแจ้งอีกครั้งเพื่อเป็นการแจ้งย้ำให้ผู้เข้าพักทราบก็ย่อมทำได้ นอกจากนี้ การที่โรงแรมนำข้อมูลมาใช้ประมวลผลในกระบวนการนี้สามารถใช้ฐานสัญญา ตามมาตรา 24(3) ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนการเข้าทำสัญญาใช้บริการ ในกรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม หรือ Outsource limousine ทางโรงแรมอาจจะมีการส่งรายชื่อของผู้ที่จะเข้าพักให้กับบริษัท Outsource limousine ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูล ชื่อ นามสกุล รายละเอียดการเดินทางและการเข้าพัก เป็นต้น การที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทภายนอกให้ดำเนินการด้านการรับส่ง บริษัทรับส่งนั้นทำตามภายในนามหรือภายใต้คำสั่งโรงแรมนั้น บริษัท Outsource limousine จึงมีสถานะเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ซึ่งตามมาตรา 40 วรรค 2 กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ต้องจัดให้มีข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อควบคุมการดำเนินการตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ระหว่าง โรงแรมกับบริษัท Outsource limousine  ควรมีการทำข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement : DPA)  ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ประมวลผล ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดมาตรฐานในการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลและขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยรายละเอียดของข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล
en_USEnglish

ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบ