จริงหรือไม่ !? ธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครือข่าย (MLM) เสี่ยงโดนโทษปรับหลักล้าน หากไม่ทำตาม PDPA

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : pornpilast.su

จริงหรือไม่ !? ธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครือข่าย (MLM) เสี่ยงโดนโทษปรับหลักล้าน หากไม่ทำตาม PDPA

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : pornpilast.su

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) เป็นกฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาการถูกล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้องค์กร หรือ หน่วยงานต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการจัดเก็บ เเละประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรให้ถูกต้องตามกฎหมาย PDPA เพื่อสร้างความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวให้แก่เจ้าของข้อมูล เพราะหากไม่ดำเนินการตามหลักของ PDPA คุณอาจต้องรับโทษร้ายแรงทั้งทางแพ่ง อาญา และปกครอง

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ‘Data’ หรือ ‘ข้อมูล’ ของลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับธุรกิจในปัจจุบันอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลของลูกค้ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ง่ายต่อการวางเเผนการดำเนินการของธุรกิจ ยิ่งธุรกิจของคุณมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ยิ่งจะมีความได้เปรียบคู่เเข่งมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจขายตรง (Direct Sales) หรือที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่า ธุรกิจเครือข่าย (MLM/Network Marketing) เป็นธุรกิจที่นอกจากขายสินค้าหรือบริการแล้ว ยังมีการชักชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในธุรกิจโดยการเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมีระบบการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งการตลาดประเภทนี้จะทำให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ การศึกษาเป็นอย่างไร ก็สามารถมาเข้าร่วมทำธุรกิจได้  อย่างไรก็ดีธุรกิจขายตรง (Direct Sales) หรือ ธุรกิจเครือข่าย (MLM/Network Marketing) มักถูกเข้าใจผิดและมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เนื่องจากกลุ่มแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฎหมายที่พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้เหมือนธุรกิจขายตรงเเละธุรกิจเครือข่าย และมักจะมีการอวดอ้างถึงรายได้จำนวนมากโดยไม่ต้องทำงานประจำ ซึ่งเหมือนกับการขายฝันนั่นเอง

โดยผู้มีส่วนร่วมในการทำ ธุรกิจขายตรง หรือธุรกิจเครือข่าย นั้นจะมีกิจกรรมในการขายสินค้าหรือบริการ แนะนำสินค้าหรือบริการให้ผู้บริโภค รวมถึงชักชวนผู้บริโภคมาเป็นผู้จำหน่ายสินค้าหรือบริการ หรือหาตัวแทนจำหน่าย แล้วจะได้ผลตอบแทนจากกิจกรรมเหล่านั้น ซึ่งเเน่นอนว่าการทำกิจกรรมในลักษณะนี้ต้องมีการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้าหรือตัวเเทนจำหน่ายในเครือตัวเอง  

ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่ ธุรกิจขายตรง (Direct Sales) หรือ ธุรกิจเครือข่าย (MLM/Network Marketing) มักเก็บรวบรวม

  1. ชื่อ-นามสกุล
  2. เบอร์โทรศัพท์
  3. อีเมลส่วนตัว
  4. ที่อยู่ปัจจุบัน
  5. เลขบัตรประชาชน (บางธุรกิจมีการขอสำเนาบัตรประชาชน)
  6. ข้อมูลทางการเงิน
  7. ข้อมูลสุขภาพ

อย่างที่ทราบทั่วกันว่า หากมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แล้วเกิดมีการรั่วไหลของข้อมูลนำไปสู่การฟ้องร้อง ถึงแม้จะมีการรั่วไหลที่เกิดจากพนักงานแค่คนเดียว แต่ผู้ที่จะมีส่วนรับผิดชอบก็คือหน่วยงานกำกับดูแลนั่นเอง 

แต่เดี๋ยวก่อน ! รู้หรือไม่ว่า สำหรับกรณีธุรกิจขายตรง (Direct Sales) ธุรกิจเครือข่าย (MLM/Network Marketing) หากมีกรณีพนักงานทำข้อมูลรั่วไหลหรือทำผิด PDPA ธุรกิจนั้น หรือ บุคคลที่ทำข้อมูลรั่วไหลจะต้องรับโทษเองโดยตรง (แล้วแต่การทำสัญญา)  เเละไม่มีหน่วยงานใดมารับผิดชอบ  เนื่องจาก ธุรกิจขายตรง หรือ ธุรกิจเครือข่ายที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ) และเป็น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) กันอย่างเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว 

ค่าปรับ และการกำหนดโทษ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ในการที่จะพิจารณาบทลงโทษใน 3 ลักษณะ คือ ความรับผิดทางแพ่ง โทษอาญา และโทษทางปกครอง โดยในกฎหมาย PDPA มีการระบุไว้อย่างชัดเจน ดังนี้  :

  1. โทษทางแพ่ง : ค่าปรับจริง + 2 เท่าของค่าปรับ = เงินค่าสินไหมทดแทนที่ต้องจ่าย
  2. โทษทางอาญา : กฎหมาย PDPA กำหนดโทษอาญาไว้ 2 ลักษณะ คือ ปรับเงิน กับ จำคุก หรืออาจจะโดนทั้งคู่ โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. โทษทางปกครอง : ปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาท 

อยากรู้เรื่องโทษปรับเพิ่มเติม คลิก ! >> บทความค่าปรับ และบทลงโทษจากการละเมิดกฎหมาย PDPA ต้องจ่ายเท่าไหร่? ธุรกิจไทยดูไว้เป็นตัวอย่าง!

สามารถพิจารณาจากสิ่งเหล่านี่ 

  • ประเภทของข้อมูล เช่น ข้อมูลสำเนาบัตรประชาชน บัตรเครดิต  
  • ความอ่อนไหว คือ วิเคราะห์ข้อมูลนั้นมีความเสี่ยงต่อบุคคลมากแค่ไหน โดยใช้หลักการพิจารณาพื้นฐานของความเสี่ยง
  • ปริมาณ ข้อมูลที่รั่วไหลจำนวนมากอาจส่งผลต่อความเสียหายในวงกว้าง
  • ง่ายต่อการระบุตัวตน ข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคลได้อาจจะส่งผลที่เป็นอันตรายต่อชีวิต สภาพจิตใจ หรือทรัพย์สิน 
  • ความรุนแรง โดยการวิเคราะห์ผลที่ตามมาในกรณีข้อมูลนั้นรั่วไหลและนำไปสู่การละเมิดในระดับใดบ้าง 

หากองค์กรใดมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า DPO เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดภายในองค์กร ก็จะช่วยให้องค์กรจัดเก็บเเละประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องมากขึ้น   ดังนั้นหากคุณยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจของคุณเก็บข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย PDPA เเล้วหรือยัง ? หรือองค์กรของคุณยังไม่มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือสนใจดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในมิติอื่น ๆ ปรึกษาเราได้ที่ pdpa.online.th หรือเฟซบุ๊ก PDPA Thailand ให้เราเป็น Solution ด้าน PDPA ที่ใช่สำหรับคุณ

ที่มา :

http://www.tdsa.org/learnmore-tdsa

https://www.finance-rumour.com/investment/mlm-network-marketing/

https://pospos.co/article/detail/pdpa-for-business https://www.finance-rumour.com/investment/mlm-network-marketing/ https://www.finance-rumour.com/investment/what-is-direct-sales/

 

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีข่าวการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการกระทำของแฮกเกอร์ที่เข้ามาเจาะระบบ ทั้งจากการป้องกันการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลที่หละหลวม PDPA Thailand และวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 นับจากวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่กฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ PDPA Thailand จึงรวบรวมเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึง พ.ศ.2566 มาให้ดูกัน     เมษายน 2561 ข้อมูลลูกค้า True Move H หลุดรั่ว ฐานข้อมูลลูกค้า Truemove H ที่สมัครซื้อซิมพร้อมมือถือผ่าน iTruemart หลุดรั่วจำนวน 64,000 ราย ที่มา https://www.beartai.com/news/it-thai-news/233905   กันยายน 2563 โรงพยาบาลสระบุรี ถูกแรนซัมแวร์โจมตี “โรงพยาบาลสระบุรี” ถูกไวรัสแรนซัมแวร์ แฮกฐานข้อมูลระบบบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลประวัติเก่าหรือให้บริการออนไลน์ได้ ที่มา https://www.sanook.com/news/8248818/   กุมภาพันธ์ 2564 ที่ว่าการอำเภอถลาง ใช้กระดาษรียูส ด้านหลังเป็นใบสำเนามรณบัตร สาวจดทะเบียนสมรส ได้ใบเสร็จพ่วงมรณบัตร สาเหตุจากการใช้กระดาษรียูสในการออกใบเสร็จ แต่เคสนี้เจ้าหน้าที่เผลอนำใบสำเนามรณบัตรมาใช้ ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/south/2543643   สิงหาคม 2564 Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี สายการบิน Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี คนร้ายลอบขโมยข้อมูลลูกค้าออกไปได้กว่า 100GB ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล, เพศ, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่ และอีเมล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เช่น
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวไกลไปมากทำให้การดำเนินการต่าง ๆเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น ตั้งแต่การเดินทางรวมถึงกระบวนการทำงานต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในองค์กรที่มีการนำวิทยาการนำมาใช้ ได้แก่ สถานพยาบาลนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนั้นมีนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความสะดวกสบาย เช่น ใช้หุ่นยนต์ในการส่งแฟ้มเอกสารระหว่างแผนก หรือการใช้ระบบต่างเพื่อรวบรวมข้อมูลคนไข้ไว้ที่เดียวกันเพื่อสะดวกต่อการค้นหา ซึ่งกระบวนการหนึ่งที่มีการใช้งานได้แก่ การส่งต่อรูปถ่าย ซึ่งปัจจุบันนั้นวัตถุประสงค์หลัก ๆในการส่งรูปถ่ายจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการรักษาหรือติดตามอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ มันมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้เป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีการใข้ข้อมูลภาพถ่ายจะต้องใช้อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องตามหลักของ PDPA ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ถือว่าเป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ จากที่เราทราบกับข้อมูลอ่อนไหว ได้แก่ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายคนไข้นั้นถือได้ว่าเป็นข้อมูลสุขภาพ ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการคุ้มครองและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561 ที่นี้เมื่อทราบว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว จึงจำเป็นต้องมีแนวหรือหลักการเพื่อให้การใช้ข้อมูลรูปถ่ายเป็นไปตามหลักของ PDPA หากจำเป็นต้องใช้ ต้องทำอย่างไร โดยหลักการของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ข้อมูลตราบเท่าที่จำเป็น เช่นกัน การใช้ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ก็ควรจะต้องมีการใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเช่นกัน โดยเมื่อจำเป็นต้องมีการเก็บมูล จำเป็นต้องมีการขอความยินยอมก่อน รวมถึงมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลภาพถ่ายคนไข้ ซึ่งการแจ้งประกาศนั้นอาจจะมีเป็นการแจ้งเป็นประกาศความเป็นส่วนตัวของ คนไข้หรือลูกค้าตามแต่กรณี ต่อมาในการใช้งานหรือประมวลผลควรใช้เท่าที่จำเป็นซึ่งได้แก่ใช้เพื่อรักษาหรือติดตามอาการเท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อเหตุอื่น ถามว่าการเอารูปถ่ายคนไข้ให้หมอท่านอื่นดูได้หรือไม่ เพราะบางครั้งหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้นอาจจำเป็นต้องมีการนำภาพคนไข้ เพื่อปรึกษากับหมอท่านอื่น ตัวอย่างเช่น กรณีคนไข้มารักษาสิว เมื่อทำการรักษาแล้วหากพบว่าบริเวณที่รักษามีปัญหาขึ้นมา กรณีเช่นนี้หากเป็นไปเพื่อการรักษาและติดตามอาการก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงความจำเป็นดังกล่าว โดยอาจจะสื่อสารผ่านตัวประกาศความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วนั้นหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้ต้องมีความระมัดระวังในการเผยแพร่รูปถ่ายคนไข้ด้วย แม้จะมีการแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือคนไข้แล้วก็ตาม โดยหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้น ควรมีความระมัดระวังในการที่จะไม่เผยแพร่ภาพถ่ายคนไข้ดังกล่าวไปสู่หมอ รวมถึงบุคลกรทางการแพทย์ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนไข้ให้รับทราบ นอกจากนี้ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันนั้นวิทยาการด้านการสื่อสารสามารถส่งต่อข้อมูลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางอีเมล Messenger เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อมีการส่งข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ไป จำต้องมีคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ตัวอย่าง ไม่ควรส่งรูปถ่ายคนไข้ผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะ เช่น Line เป็นต้น หรือหากจำเป็นต้องมีการส่งจริง ๆก็ควรมีมาตรการในการป้องกันการเข้าถึงด้วยตัวอย่างเช่น อาจจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัส โดยส่งรหัสดังกล่าวไปให้ปลายทางรับทราบพียบท่านเดียวเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าวถึงมือผู้รับจริง และมีเพียงแต่ผุ้รับรหัสเท่านั้นที่จะสามารถเปิดดูข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ได้ โดยภาพรวมนั้นสถานพยาบาลมีกิจกรรมหลาย ๆกิจกรรมที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มี่ความอ่อนไหว เช่น กิจกรรมการนำภาพถ่ายคนไข้มาใช้เพื่อติดตามผลการรักษาคนไข้ ทั้งนี้สามรถทำได้แต่จำเป็นต้องมีแนวทางหรือกระบวนการบางอย่างมาเป็นมาตรฐานในการส่งต่อข้อมูล นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง Hotel reservation ไม่เกี่ยวกับ PDPA จริงหรือ ? ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการจองที่พักในหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ เอเย่น walk-in ในวันนี้เราจะมากล่าวถึงกระบวนการที่ต่อเนื่องกันคือ กระบวนการการรับส่งจากสนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ไปยังโรงแรม ในบางกรณีผู้เข้าพักบางท่านอาจมีความต้องการใช้บริการรถรับส่งเพื่อให้รับจากสนามบินมายังโรงแรมเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก รูปแบบการรับส่งที่สนามบินโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Inhouse limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง Outsource limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม ในกรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง (Inhouse limousine)  โดยทั่วไปข้อมูลของผู้เข้าพักจะถูกโรงแรมเก็บมาแล้วจากขั้นตอนการจองห้องพัก แต่อาจมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นการยืนยันตัวผู้เข้าพักอีกครั้ง การนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการนี้ โรงแรมต้องมีการระบุวัตถุประสงค์นี้เข้าไปในประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก (Privacy notice) และแจ้งให้ผู้เข้าพักทราบในขั้นตอนการรับจองห้องพัก หรือจะแจ้งอีกครั้งเพื่อเป็นการแจ้งย้ำให้ผู้เข้าพักทราบก็ย่อมทำได้ นอกจากนี้ การที่โรงแรมนำข้อมูลมาใช้ประมวลผลในกระบวนการนี้สามารถใช้ฐานสัญญา ตามมาตรา 24(3) ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนการเข้าทำสัญญาใช้บริการ ในกรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม หรือ Outsource limousine ทางโรงแรมอาจจะมีการส่งรายชื่อของผู้ที่จะเข้าพักให้กับบริษัท Outsource limousine ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูล ชื่อ นามสกุล รายละเอียดการเดินทางและการเข้าพัก เป็นต้น การที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทภายนอกให้ดำเนินการด้านการรับส่ง บริษัทรับส่งนั้นทำตามภายในนามหรือภายใต้คำสั่งโรงแรมนั้น บริษัท Outsource limousine จึงมีสถานะเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ซึ่งตามมาตรา 40 วรรค 2 กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ต้องจัดให้มีข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อควบคุมการดำเนินการตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ระหว่าง โรงแรมกับบริษัท Outsource limousine  ควรมีการทำข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement : DPA)  ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ประมวลผล ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดมาตรฐานในการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลและขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยรายละเอียดของข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล
thThai

ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบ