ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หลักเกณฑ์การพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับ ทางปกครองของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ พ.ศ. 2565

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง
ของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 16 (๔)
และ มาตรา 90 วรรคสอง

แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาออกค าสั่งลงโทษปรับทางปกครองของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ พ.ศ. ๒๕๖๕”

ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ในประกาศนี้
“การพิจารณาออกค าสั่งลงโทษปรับทางปกครอง” หมายความว่า การดำเนินการที่เกี่ยวกับ
การพิจารณาสั่งลงโทษปรับทางปกครองกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
หรือบุคคลใดที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือคำสั่ง
ของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ

“ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครอง” หมายความว่า ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผล
ข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลใดที่กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล หรือคำสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
“ค่าปรับ” หมายความว่า เงินค่าปรับทางปกครองที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กำหนดตามประกาศนี้

“ยึด” หมายความว่า การกระทำใด ๆ ต่อทรัพย์สินของผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครอง เพื่อให้
ทรัพย์สินนั้นได้เข้ามาอยู่ในความควบคุมหรือครอบครองของเจ้าหน้าที่บังคับโทษปรับทางปกครอง

“อายัด” หมายความว่า การสั่งมิให้ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองหรือบุคคลอื่นดำเนินการ
จำหน่ายจ่ายโอนหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่ได้สั่งอายัดไว้
รวมตลอดถึงการสั่งมิให้บุคคลภายนอกส่งมอบทรัพย์สิน หรือชำระหนี้แก่ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครอง
แต่ให้ส่งมอบทรัพย์สินหรือชำระหนี้ต่อเจ้าหน้าที่บังคับโทษปรับทางปกครอง ณ ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่บังคับ
โทษปรับทางปกครองกำหนด

“การขายทอดตลาด” หมายความว่า การนำทรัพย์สินของผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครอง
ออกขายโดยวิธีให้สู้ราคากันโดยเปิดเผย

“เจ้าหน้าที่บังคับโทษปรับทางปกครอง” หมายความว่า บุคคลที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมอบหมายให้ดำเนินการบังคับตามคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง
หรือคำสั่งอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

“คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ” หมายความว่า คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ ๔ ในการพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง และการยึด อายัด หรือ
ขายทอดตลาดที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการบังคับทางปกครอง นอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
ให้นำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ
ความในประกาศนี้

ข้อ ๕ การแจ้งมาตรการบังคับทางปกครองและคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง การแจ้ง
กำหนดนัด หรือการดำเนินการอย่างอื่นภายใต้ประกาศนี้ ให้กระทำเป็นหนังสือหรือในรูปแบบ
อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้

ข้อ ๖ ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือจ าเป็นเร่งด่วน หรือในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้แสดงความจำนงไว้ก่อนล่วงหน้าว่าให้แจ้งด้วย
วิธีอื่นได้ การแจ้งข้อกล่าวหา การแจ้งกำหนดนัด การแจ้งคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง การแจ้งผล
การพิจารณา หรือการดำเนินการอย่างอื่นตามประกาศนี้ จะใช้วิธีการแจ้งทางโทรสาร จดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นตามที่ผู้นั้นได้แจ้งความจำนงไว้ก็ได้ แต่ต้องมีหลักฐานการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
หรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ และต้องจัดส่งเอกสารแจ้งยืนยันให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในทันทีที่กระทำได้
ให้ถือว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ได้รับแจ้งตามวันและเวลาที่ปรากฏในหลักฐานการส่งโทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นนั้น
โดยทันที เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ได้ในภายหลังว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับแจ้งตามวิธีการดังกล่าว

ข้อ ๗ เมื่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบทราบจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือคำสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตาม มาตรา 74
ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญดำเนินการออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองหรือใช้มาตรการบังคับทางปกครอง
ตามที่ระบุในประกาศนี้ต่อไป

ข้อ ๘ ในการพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองหรือใช้มาตรการบังคับทางปกครอง
หรือการดำเนินการอื่นใดตามประกาศนี้เพื่อลงโทษปรับทางปกครองกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคำนึงถึงปัจจัย
ดังต่อไปนี้

(๑) รายละเอียดการกระทำผิดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการกระทำผิดโดยเจตนาหรือจงใจ
หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือขาดความระมัดระวังตามสมควร

(๒) ความร้ายแรงของพฤติกรรมที่กระทำผิด

(๓) ขนาดกิจการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

(๔) ผลของมาตรการลงโทษปรับทางปกครองที่จะบังคับว่าจะได้ช่วยบรรเทาความเสียหาย
หรือความเดือดร้อนแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ เพียงใด

(๕) ประโยชน์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับจากมาตรการลงโทษปรับทางปกครอง
และผลกระทบต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลที่กระทำผิด
และผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจหรือกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๖) มูลค่าความเสียหายและความร้ายแรงที่เกิดจากการกระทำผิดนั้น

(๗) ระดับโทษปรับทางปกครองและมาตรการบังคับทางปกครองที่เคยใช้กับผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นในความผิดทำนองเดียวกัน (ถ้ามี)

(๘) ประวัติการถูกลงโทษปรับทางปกครองและใช้มาตรการบังคับทางปกครองของผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นนิติบุคคล ให้หมายความรวมถึงประวัติการถูกลงโทษปรับทางปกครอง
ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของนิติบุคคลนั้นด้วย

(๙) ระดับความรับผิดชอบและมาตรฐานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลในขณะที่มีการกระทำความผิด

(๑๐) การดำเนินการตามประมวลจริยธรรม แนวปฏิบัติทางธุรกิจ หรือมาตรฐานในการรักษา
ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ในขณะที่มีการกระทำความผิด

(๑๑) การเยียวยาและบรรเทาความเสียหายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผล
ข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อทราบเหตุที่กระทำความผิด

(๑๒) การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(๑๓) ข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อ ๙ ในการพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
พิจารณาออกคำสั่งตามระดับของความร้ายแรงของการกระทำความผิดและความเหมาะสมในการปรับใช้
มาตรการลงโทษ ดังนี้

(๑) กรณีไม่ร้ายแรง
ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีคำสั่งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องแก้ไขหรือตักเตือนในเบื้องต้นก่อน โดยอาจดำเนินการ ดังนี้

(ก) ตักเตือนหรือสั่งให้ปฏิบัติหรือดำเนินการแก้ไข หยุด ระงับ ละเว้น หรืองดเว้น
การกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยคำสั่งดังกล่าว
ต้องมีรายละเอียด เหตุผล และวัตถุประสงค์ของคำสั่งอย่างชัดเจนว่าจะต้องแก้ไขและดำเนินการ
ให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไร

(ข) สั่งห้ามกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้กระทำการใด
เพื่อระงับความเสียหายนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด

(ค) สั่งจำกัดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการกระทำผิดไว้
เพื่อระงับความเสียหายนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด
คำสั่งตาม (ก) (ข) หรือ (ค) อาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการปรับปรุงบุคลากร
กระบวนการ หรือเทคโนโลยี ให้มีประสิทธิภาพและความเหมาะสมตามที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
เห็นสมควร

(๒) กรณีร้ายแรง หรือคำสั่งให้แก้ไขหรือตักเตือนไม่เป็นผล

ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมี คำสั่งลงโทษปรับทางปกครองแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามระเบียบและบัญชีค่าปรับที่คณะกรรมการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดโดยคำนึงถึงความร้ายแรงและพฤติการณ์อื่นในการลงโทษปรับ
ทางปกครองตามที่เห็นสมควร และอาจมีคำสั่งตาม (๑) (ก) (ข) หรือ (ค) ด้วยก็ได้

ข้อ ๑๐ คำสั่งลงโทษปรับทางปกครองของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในข้อ ๙ ให้ทำเป็น
หนังสือโดยระบุวัน เดือน ปี ที่ออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง และให้ประธานกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
เป็นผู้ลงนามแทน

ข้อ ๑๑ คำสั่งลงโทษปรับทางปกครองตามข้อ ๙ ต้องมีรายละเอียดการพิจารณา และ
เหตุผลที่มีคำสั่ง โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
(๑) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในการกระทำผิด
(๒) ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(๓) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ
(๔) รายละเอียดของการปฏิบัติตามคำสั่ง

ข้อ ๑๒ เมื่อถึงกำหนดให้ชำระค่าปรับตามคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองแล้ว หากผู้ถูกลงโทษ
ปรับทางปกครองไม่ดำเนินการชำระค่าปรับโดยถูกต้องครบถ้วนตามค าสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
ให้เจ้าหน้าที่บังคับโทษปรับทางปกครองมีหนังสือเตือน
ให้ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
เมื่อครบกำหนดเวลาให้นำเงินมาชำระค่าปรับตามหนังสือแจ้งเตือนแล้ว หากผู้ถูกลงโทษปรับ
ทางปกครองไม่ชำระค่าปรับหรือช าระค่าปรับไม่ครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่บังคับโทษปรับทางปกครอง
นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับ
โดยอนุโลม ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการยึด อายัด หรือขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อบังคับตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญสั่งยึด อายัด หรือขายทอดตลาดทรัพย์สิน เพื่อการนั้น
ในกรณีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการบังคับตามคำสั่ง หรือมีแต่ไม่สามารถดำเนินการบังคับ
ทางปกครองได้ ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อบังคับชำระค่าปรับทางปกครอง

ข้อ ๑๓ คำสั่งของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามประกาศนี้ให้เป็นที่สุด

ข้อ ๑๔ การรับเงิน การนำส่งเงิน การเก็บรักษาเงินและการเบิกจ่ายเงินจากการขาย
ทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ดำเนินการตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด

ข้อ ๑๕ เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินให้หักชำระค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึด
อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินก่อนนำมาชำระเป็นเงินค่าปรับที่ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองต้องชำระ
กรณีที่มีเงินเหลือให้คืนเงินที่เหลือนั้นให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงินดังกล่าวตามกฎหมาย

ข้อ ๑๖ ในการดำเนินการตามประกาศนี้ ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและพนักงานเจ้าหน้าที่
ใช้ความระมัดระวังในการใช้อำนาจตามประกาศนี้ โดยคำนึงถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
พยานแวดล้อม ประมวลจริยธรรม มาตรฐานวิชาชีพ แนวปฏิบัติของธุรกิจหรือกิจการแต่ละประเภท
กฎหมายที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลพึงกระทำตามหน้าที่ ผลกระทบ
ในวงกว้างทั้งต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และธุรกิจหรือการดำเนินการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ

ข้อ ๑๗ ให้ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้

ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖5

เธียรชัย ณ นคร
ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เอกสารเพิ่มเติม PDF ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาออกคำสั่งลงโทษปรับ ทางปกครองของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ พ.ศ. 2565