8 กิจการขนาดเล็ก (SMEs) ไม่ต้องจัดทำ RoPA (ฉบับเต็ม) จริงหรือไม่? เช็กให้ชัวร์ก่อนถูกปรับ!
ก่อนจะไปดูว่ามีกิจการแบบไหนที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำ RoPA ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักก่อนว่า RoPA คืออะไร?
ตามกฎหมาย PDPA มาตรา 39 ระบุให้องค์กรต้องจัดทำ “RoPA หรือ บันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยระบุว่ามีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละหน่วยงานกับใคร เพื่อวัตถุประสงค์ใด และอย่างไรบ้าง
แล้ว 8 กิจการขนาดเล็ก (SMEs) มีกิจการใดบ้างที่ไม่ต้องจัดทำ RoPA (ฉบับเต็ม) จากประกาศกฎหมายลำดับรอง PDPA*
1. SMEs ที่มีพนักงานและรายได้ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด
2. วิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน
3. วิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกลุ่มกิจการเพื่อสังคม
4. สหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกร
5. มูลนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร
6. นิติบุคคลอาคารชุด หรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
7. กิจการในครัวเรือนหรือกิจการอื่นในลักษณะเดียวกัน
8. กิจการที่ดำเนินการโดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ที่เป็นบุคคลธรรมดา
[แต่จากประกาศ* มีข้อยกเว้นและข้อควรระวังที่ต้องรู้]
แม้กิจการดังกล่าวจะเข้าข่าย “กิจการขนาดเล็ก” แต่หากมีลักษณะการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ จะไม่เข้าข้อยกเว้น และยังคงต้องจัดทำ RoPA (ฉบับเต็ม)
– กิจการขนาดเล็ก (SMEs) ที่เข้าหลักเกณฑ์ต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 41)
– กิจการขนาดเล็ก (SMEs) มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความเสี่ยงสูงต่อสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
– กิจการขนาดเล็ก (SMEs) มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ (มิใช่ครั้งคราว)
– กิจการขนาดเล็ก (SMEs) มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษ (มาตรา 26)
“หากกิจการของท่านเข้าข่ายต้องจัดทำ RoPA แต่เพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตาม เสี่ยงโทษทางปกครองสูงสุด 1 ล้านบาท”
สรุปแล้ว – แม้ว่า “กิจการขนาดเล็ก (SMEs)” บางกิจการ จะได้รับการละเว้นไม่ต้องทำ RoPA (ฉบับเต็ม) แต่การทำ RoPA (ฉบับเต็ม) ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ นอกจากลดความเสี่ยงละเมิดโทษทางกฎหมาย PDPA เช่น
– ช่วยในการประเมินความเสี่ยง: ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าแต่ละกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวอย่างไร และสามารถนำไปสู่การทำ DPIA (Data Protection Impact Assessment) ได้
– ช่วยบริหารจัดการข้อมูลองค์กร: ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เก็บที่ไหน ใช้อย่างไร เปิดเผยกับใคร และเก็บไว้นานแค่ไหน ซึ่งนำไปสู่การจัดการและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
– ช่วยสนับสนุนกระบวนการรองรับการใช้สิทธิฯ ตาม PDPA: เมื่อเกิดการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น การขอเข้าถึง, การขอแก้ไข ฯลฯ สามารถตอบสนองได้เร็วมากยิ่งขึ้น









