Phattharaphorn.kl

Phattharaphorn.kl
Phattharaphorn.kl
จากเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อหารือและคำแนะนำด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ดูเพิ่มเติมที่: เว็บไซต์ PDPC: ข้อหารือและคำแนะนำ) ได้มีการอัปโหลดไฟล์เนื้อหาเกี่ยวกับการตีความประเด็นสำคัญภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)
ทาง PDPA Thailand จึงขอถือโอกาสนำเนื้อหาดังกล่าวมาวิเคราะห์ให้ท่านผู้ที่สนใจด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ทำความเข้าใจกันครับ
ประเด็นที่หารือ
กรณีอดีตพนักงานร้องเรียนว่าข้อมูลการสอบสวนทางวินัยของตนถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต และสอบถามว่าข้อมูลดังกล่าวควรถือเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษ” (Special categories of personal data) ที่ต้องได้รับความคุ้มครองพิเศษหรือไม่
ข้อวินิจฉัยของ PDPC
คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า ข้อมูลทางวินัยไม่ใช่ “ประวัติอาชญากรรม” และไม่เข้าข่ายข้อมูลลักษณะพิเศษอื่น ๆ ตามมาตรา 26 เช่น เชื้อชาติ ความเห็นทางการเมือง หรือสุขภาพ ทั้งยังไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลอย่างร้ายแรงพอจะเข้าข่าย “ข้อมูลอื่นใด” ที่ควรกำหนดเพิ่มเติมในมาตรานี้
มุมมองเชิงนโยบาย
PDPA THAILAND มองว่าคำวินิจฉัยนี้สะท้อนถึงความพยายามของ PDPC ในการรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลกับข้อเท็จจริงในทางปฏิบัติขององค์กร โดยระบุว่า แม้ข้อมูลวินัยจะไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษตามมาตรา 26 แต่ก็ยังถือเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่ต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้ PDPA อย่างครบถ้วน
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ
  • องค์กรควรแยกแยะประเภทข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสม
  • ต้องมีฐานทางกฎหมายชัดเจนในการประมวลผลข้อมูลวินัย เช่น ผลประโยชน์โดยชอบ (legitimate interest)
  • แม้ไม่จัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษ แต่ควรใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
  • เพราะหากมีการละเมิด เจ้าของข้อมูลยังสามารถใช้สิทธิร้องเรียนหรือฟ้องร้องตามกฎหมายได้
สรุป
การตีความของ PDPC ย้ำว่าไม่ใช่ทุกข้อมูลที่ดู “ละเอียดอ่อน” โดยสภาพ (Sensitive by nature) จะเข้าข่ายข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษตามกฎหมาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะละเลยการคุ้มครองข้อมูลเหล่านั้นไปได้ องค์กรจึงต้องบริหารจัดการข้อมูลประวัติโทษทางวินัยของพนักงานด้วยความใส่ใจและรอบคอบ ในสอดคล้องทั้งในมิติเชิงกฎหมายและเชิงจริยธรรม
ข้อเสนอแนะและกรอบคิดใหม่: การจัดการข้อมูลวินัยในองค์กร
จากคำวินิจฉัยนี้ องค์กรและบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลควรทำความเข้าใจดังนี้:
  1. แยกแยะประเภทข้อมูล: องค์กรต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าข้อมูลใดเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป” และข้อมูลใดเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะพิเศษ” ตามมาตรา 26 เพื่อให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่แตกต่างกันได้อย่างถูกต้อง
  2. ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยและฐานทางกฎหมาย: แม้ข้อมูลวินัยจะไม่ใช่ข้อมูลลักษณะพิเศษตามมาตรา 26 แต่ก็ยังต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องมีฐานทางกฎหมายที่ชัดเจนในการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผย เช่น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (legitimate interest) หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญา หากมีการนำไปใช้โดยไม่เหมาะสม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับผลกระทบยังคงสามารถใช้สิทธิร้องเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือใช้สิทธิเรียกร้องความรับผิดตามกฎหมายอื่นได้
  3. การพิจารณาเป็นกรณีไป: การตีความนี้ชี้ให้เห็นว่า การจะกำหนดให้ข้อมูลใดเป็นข้อมูลลักษณะพิเศษเพิ่มเติมนั้น PDPC จะพิจารณาอย่างรอบคอบถึงลักษณะของข้อมูลว่า “มีลักษณะที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในลักษณะร้ายแรง หรือเกินสมควรหรือไม่”
โดยสรุปแล้ว การที่ข้อมูลการดำเนินการทางวินัยไม่ถูกจัดเป็นข้อมูลลักษณะพิเศษ ภายใต้มาตรา 26 ของ PDPA ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ต้องการการคุ้มครอง แต่เป็นการยืนยันว่ากฎหมายมีกรอบการคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับข้อมูลแต่ละประเภท และองค์กรมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการข้อมูลเหล่านี้ด้วยความรอบคอบและปลอดภัย เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในที่สุด
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม