PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

หลายประเทศทั่วโลกได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ จากข้อมูลสถิติในปีที่ผ่านมาได้ระบุว่า ประเทศไทยมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ประมาณร้อยละ 14 ของปริมาณประชากรทั้งประเทศ หมายถึงประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศที่ก้าวสู่สังคมสูงอายุเช่นเดียวกัน ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผู้สูงอายุเกิดขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ธุรกิจด้านการดูแลรักษาพยาบาล การแพทย์ บ้านพักคนชรา บริการด้านความงาม ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ อาหารฟังก์ชัน (Functional Food) รวมทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งเป็นธุรกิจมาแรง และมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นเพื่อสอดรับกับกระแสเทรนด์โลก

ขณะเดียวกัน การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ กฎหมาย PDPA มีผลต่อทุกธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุจะต้องมีมาตรการและความพร้อมสำหรับรับมือ ‘กฎหมายใหม่’ ที่มีความอ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงการละเมิดสิทธิได้ง่ายมาก ซึ่งผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 3 อย่าง ดังนี้

1. เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สูงอายุ จะต้องขอความยินยอม

การเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งปราศจากฐานทางกฎหมายอื่น หรือการนำข้อมูลไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม จะต้อง ‘ขอความยินยอม’ เสียก่อน เช่น ข้อมูลทั่วไปของผู้สูงอายุ ชื่อ-นามสกุล อายุ เบอร์โทร ที่อยู่ วันเกิด เพศ การศึกษา อาชีพ ภาพถ่ายใบหน้า อีเมล เลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น

2. เก็บข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุผิดกฎหมาย PDPA

ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ล้วนเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว (Sensitive Data) ตามทฤษฎีนั้น กฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้ฐานสัญญาในการเก็บรวบรวมข้อมูลสุขภาพ หมายถึงธุรกิจใดก็ไม่สามารถนำเอกสารสัญญาในลักษณะต่าง ๆ มาอ้างอิง เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวนี้ได้ แน่นอนว่า ข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ ข้อมูลด้านความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม และข้อมูลชีวภาพ เช่น สแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ เราจึงมักพบเห็นได้ว่าสถานพยาบาลเอกชน คลินิกเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ หรือบ้านพักคนชรา จะมีการเก็บบันทึกหรือประมวลผลข้อมูลนี้ โดยในบทบัญญัติของกฎหมายเท่ากับการละเมิด เว้นแต่จะเป็นไปด้วยความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล

3. ผู้สูงอายุที่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถให้ความยินยอมในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองไม่ได้

ผู้สูงอายุที่มีความพิการ วิกลจริต ความจำเสื่อม อัมพาต ป่วยรุนแรงที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หรือทำภารกิจส่วนตัวเองไม่ได้ จะต้องอยู่ในการดูแลของผู้อนุบาล จะให้การยินยอมในการเก็บใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองไม่ได้ และหากธุรกิจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังกล่าว ถือว่าทำผิดกฎหมาย PDPA เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย

 

ธุรกิจจะเก็บหรือประมวลผลข้อมูลผู้สูงอายุได้อย่างไรบ้าง?

กฎหมาย PDPA ได้มีข้อยกเว้นให้สถานพยาบาล โรงพยาบาล คลินิก สถานดูแลรับเลี้ยง หรือธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในกิจกรรมต่าง ๆ หากต้องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามกฎหมาย PDPA จะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือความยินยอมจากผู้พิทักษ์/ผู้ให้การดูแลที่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่บางกรณีสามารถเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวได้ตามกฎหมาย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความ ‘จำเป็น’ เช่น

 

  1. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของลูกค้า เช่น ประโยชน์ด้านการรักษา หรือการพยาบาลดูแล
  2. การปฏิบัติตามสัญญา หรือตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้นในกรณีที่ข้อมูลที่มีการเก็บใช้เป็นข้อมูลบุคคลทั่วไป
  3. การปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์โดยชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
  4. การดำเนินการภายใต้ฐานกฎหมายโดยชอบ หรือกฎหมายอื่น ๆ ให้ทำได้
  5. การปฏิบัติตามสิทธิเพื่อดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น ด้านสวัสดิการ ประกันสังคม
  6. เพื่อประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันโรคระบาด

 

กรณีที่สถานประกอบการต่าง ๆ อาจจะใช้ ‘ฐานประโยชน์โดยชอบ’ ซึ่งเป็นเหตุผลในการดำเนินธุรกิจ โดยการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลผู้สูงอายุ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็นแล้วแต่กรณี ตามที่ได้ระบุไว้ในข้างต้น

อย่างไรก็ตาม กฎหมาย PDPA แม้จะอนุญาตให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีข้างต้น แต่สถานประกอบการต่าง ๆ จะต้องจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม ปลอดภัย เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วย

 

หน้าที่ตามกฎหมาย PDPA ของธุรกิจสูงวัย หากมีการเก็บใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลลูกค้า

ธุรกิจผู้สูงอายุที่มีการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลลูกค้า มีสถานะเป็น ผู้ควบคุมข้อมูล (Data Controller) ดังนั้นจึงมีหน้าที่ตามกฎหมาย PDPA ในการจัดทำบันทึกรายการข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เจ้าของข้อมูลและคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้ โดยจัดทำเป็นเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะต้องประกอบด้วยข้อมูล ดังนี้

การทำบันทึกรายการข้อมูลส่วนบุคคลของกฎหมาย PDPA อาจมีข้อยกเว้นมิให้นำมาใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็น ‘กิจการขนาดเล็ก’ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด คือมีการเก็บข้อมูลเป็นครั้งคราว และไม่ได้มีการเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมากไว้ ซึ่งในนิยามของ ‘ข้อมูลจำนวนมาก’ หมายถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีการจัดเก็บข้อมูลบุคคลทั่วไปที่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูล 50,000 ราย หรือมีข้อมูลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล 5,000 ราย เว้นแต่การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับตามกฎหมาย PDPA ธุรกิจด้านผู้สูงอายุ สามารถนำข้อกฎหมายอื่น ๆ มาเทียบเคียง หรืออ้างสิทธิการปฏิบัติโดยชอบได้ เช่น พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ.2546, พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550, แผนผู้สูงอายุฉบับที่ 2 (2545-2564) เป็นต้น แต่จะต้องเป็นเงื่อนไขหรือการปฏิบัติที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายเท่านั้น

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม