PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

บริษัทรักษาความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการดำเนินการในลักษณะสุ่มเสี่ยงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้ง่ายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ซึ่งบังคับใช้กฎหมายใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา

รูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทรักษาความปลอดภัยมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) และเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว (Sensitive Data) รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยบางอย่าง สามารถนำไปสู่กรณีละเมิดที่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งในลักษณะทางแพ่ง และความผิดทางอาญาได้ ยกตัวอย่างการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของพนักงานภายในบริษัทรักษาความปลอดภัย ได้แก่ ประวัติอาชญากรรม และลายนิ้วมือ แม้กระทั่งการที่บริษัทรักษาความปลอดภัยติดกล้องวงจรปิดในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ส่วนบุคคลของลูกค้าที่ให้บริการด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยยังมีการเก็บและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่สาม เช่น ข้อมูลพนักงาน ข้อมูลลูกค้าที่ให้บริการ หรือการเก็บข้อมูลจากบุคคลที่สามด้วย ซึ่งมีลักษณะเป็นการเก็บข้อมูลจากแหล่งอื่นที่เจ้าของข้อมูลไม่ทราบ ทั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยยังเข้าข่ายธุรกิจที่มีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก อ้างอิงจากกฎหมาย PDPA ที่ระบุว่า บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีการจัดเก็บข้อมูลทั่วไปที่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูล 50,000 ราย หรือมีข้อมูลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล 5,000 ราย รวมทั้งการดำเนินการยังเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลคู่ค้า – คู่สัญญา

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยดำเนินธุรกิจโดยมีรูปแบบที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลในหลากหลายกิจกรรม กระนั้นบริษัทรักษาความปลอดภัยได้รับการจัดตั้งและขออนุญาตดำเนินธุรกิจภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทำให้มีสถานะของการดำเนินการที่ ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ตามกฎหมายคุ้มครองจากพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถใช้ ฐานกฎหมาย และ ฐานประโยชน์โดยชอบธรรม ในการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่ส่อให้เกิดความละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA ซึ่งในไปสู่ความผิดทางกฎหมายอาญา ถูกฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมจากคดีแพ่ง บริษัทรักษาความปลอดภัยควรดำเนินการหลีกเลี่ยงลักษณะของกฎหมายที่ขีดเส้นใต้ไว้ เพราะกฎหมายไทยมักให้น้ำหนักที่ เจตนา และ การตีความ จากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น

7 เรื่องที่บริษัทรักษาความปลอดภัย (อาจ) ทำผิดกฎหมาย PDPA

  1. การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ทำให้ข้อมูลดังกล่าวถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น โดยเฉพาะข้อมูลอาชญากรรม หรือข้อมูลการต้องโทษของพนักงานในบริษัทที่เสียงต่อการก่อให้เกิดความเกลียดชัง เสียชื่อเสียง เสียสิทธิ หรือได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในสังคม
  2. การติดกล้องวงจรปิดโดยไม่จัดทำ CCTV Notice เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้บริการได้ทราบว่าบริษัทมีการติดกล้องวงจรปิดเพื่อประโยชน์ในด้านอื่น
  3. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่ง และการส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่สามหรือในต่างประเทศ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
  4. การตรวจสอบข้อมูลอาชญากรรมด้วยตนเอง หรือกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  5. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เกินความจำเป็น ได้แก่ การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ลูกค้า คู่สัญญา บุคคลภายนอกเป็นจำนวนมาก ทำให้อาจนำไปสู่การรั่วไหลหรือละเมิดได้ง่าย
  6. ความเสี่ยงและมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลไม่สอดคล้องกัน
  7. บริษัทรักษาความปลอดภัยมีการเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก แต่ไม่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร (DPO)

 

10 เรื่องน่ารู้ หากบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่อยากเดือดร้อนจากกฎหมาย PDPA

  1. ข้อตกลงความยินยอม (Consent) ในการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ให้แก่ผู้สมัครงาน พนักงาน จนบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
  2. นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) และการประกาศความเป็นส่วนตัว หรือ Privacy Notice แม้กระทั่งการทำธุรกิจที่มีเว็บไซต์จะต้องมีการจัดเก็บคุกกี้ (Cookie) ก็จะต้องทำ Cookie Policy ด้วยเช่นกัน
  3. บันทึกรายการข้อมูลส่วนบุคคล (Record of Processing Activities: RoPA) ได้แก่ วัตถุประสงค์ แหล่งที่เก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม
  4. จัดทำป้าย CCTV Notice และการประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด หรือ CCTV Privacy Notice เพื่อแจ้งให้ทราบว่าบริษัทมีการติดกล้องวงจรปิดเพื่อประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
  5. แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เพราะบริษัทที่เก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเป็นจำนวนมาก จะมีความเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย PDPA จึงต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ DPO จากภายในองค์กร หรือใช้บุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติตรงตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับรอง
  6. จัดทำข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล กรณีที่องค์กรธุรกิจมีการแบ่งปัน หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่คู่ค้าหรือบุคคลภายนอก จะต้องมีการจัดทำข้อตกลงในการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  7. ดำเนินการด้านสิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทรักษาความปลอดภัยต้องจัดทำระบบเพื่อการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลในด้านการเข้าถึง และใช้สิทธิ ขอให้แก้ไข ระงับ ลบทำลาย หรือยกเลิกคำยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยผ่านช่องทางที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก
  8. รักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทจะต้องดำเนินการด้านอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่เพื่อรองรับกับการรักความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
  9. ประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ DPIA (Data Protection Impact Assessment) โดยจัดทำแบบประเมินจากการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประเมินความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจต้องเจอในรูปแบบต่าง ๆ
  10. ปรับปรุง ทบทวน หรือแก้ไข นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่เสมอ เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมของบริษัทและเงื่อนไขต่าง ๆ มีการอัปเดตข้อมูลเสมอ ซึ่งนำไปสู่มาตรการป้องกันความเสี่ยงละเมิดกฎหมาย PDPA อย่างเหมาะสม

 

ทั้งนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัย ควรตระหนักรู้เสมอว่าข้อมูลส่วนบุคคลควรเก็บเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ซึ่งอาจกลายเป็นช่องโหว่ของธุรกิจได้เช่นเดียวกัน จึงควรจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับการดำเนินการกิจกรรมภายใน รวมทั้งการจัดทำข้อมูลให้เป็น นิรนาม หากมีความจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูล แต่ไม่ต้องการระบุตัวตนของบุคคล เพื่อให้กิจกรรมของบริษัทรักษาความปลอดภัยมีมาตรฐานตามกฎหมาย PDPA ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการ

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม