PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

ยุค New Normal การประชุมออนไลน์ขององค์กรธุรกิจถือเป็นเรื่องปกติที่หลายคนคุ้นชิน แถมยังประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ในการจัดประชุมและการเดินทางไปร่วมประชุม ทั้งยังลดความจำเจในการการนั่งร่วมกันในห้องประชุมกับโต๊ะตัวยาว ๆ ที่ดูคร่ำครึและเคร่งเครียด แต่ขณะเดียวกัน ความปลอดภัยทางไซเบอร์และการมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลกลับเป็นสิ่งที่องค์กรธุรกิจที่มีการจัดประชุมอย่างสม่ำเสมอยังละเลย

ทั้งทราบหรือไม่ว่า ? ประชุมออนไลน์อาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมาย PDPA หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ในหลายแง่มุม โดยในที่นี้เราหยิบยกกรณีศึกษาที่เคยเกิดขึ้นขององค์กรธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีการจัดประชุมออนไลน์ ทั้งการประชุมภายใน ประชุมร่วมกับคู่ค้า/คู่สัญญา หรือประชุมกับลูกค้า และอาจจะประกอบด้วยบุคลากรหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และจุดเริ่มต้นของการละเมิดก็จะเกิดขึ้นตรงส่วนนี้

 

6 กรณีที่การประชุมออนไลน์อาจละเมิดกฎหมาย PDPA

1. จัดประชุมลวงเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว : ยกตัวอย่างจากกรณีล่าสุดของ Zoom แพลตฟอร์มผู้ให้บริการการประชุมเสมือนจริง ซึ่งก่อนนี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า มีข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้ารั่วไหลเนื่องจากถูกแฮกเกอร์ล้วงข้อมูล และได้ปลอมแปลงอีเมล์เชิญประชุมออนไลน์ และเมื่อผู้ใช้งานหลงเชื่อทำการเข้าสู่ระบบ แฮกเกอร์จะสามารถขโมยข้อมูลล็อกอินการเข้าสู่ระบบได้ทันที ทั้งมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ในเว็บมืด (Dark Web) มีการขายข้อมูล เช่น ข้อมูลอีเมล และข้อมูลการเข้าระบบประชุมออนไลน์ของบุคคลเป็นจำนวนหลายสิบล้านรายแถมยังขายในราคาถูกมากเสียด้วย นำไปสู่การละเมิดมากมาย

2. ถูก ‘Zoom-Bombers’ ก่อกวน และล้วงข้อมูลผู้ร่วมประชุม : ‘Zoom-Bombers’ หรือคำที่ใช้เรียกผู้ไม่ได้รับเชิญ (ในที่นี้คือผู้ไม่ประสงค์ดี) เข้าร่วมการประชุม อาจจะทำเพื่อก่อกวน หรือเข้ามาเพื่อบันทึกข้อมูลธุรกิจ และข้อมูลส่วนตัวของผู้ร่วมประชุม เช่น E-Mail, Meeting ID, Personal Link Name ไปแอบอ้าง หรือหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมประชุม หรืออาจก่อเหตุที่ร้ายแรงกว่านั้น กรณีแบบนี้เป็นข่าวบ่อย ๆ ในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยยังมีการตื่นตัวเรื่องเหล่านี้น้อยมาก

3. โพสต์ภาพการประชุมออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย : อีกกรณียอดฮิตที่มักเห็นกันบ่อย คือ กรณีผู้ร่วมประชุมออนไลน์ได้มีการโพสต์ภาพนิ่ง วิดีโอ คลิปเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์ โดยที่ไม่ได้ขออนุญาต หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ซ้ำร้ายอาจเกิดการแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดเป็นคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันมากมายในต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศไทย ซึ่งมีกฎหมาย PDPA องค์กรธุรกิจจึงต้องตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจในข้อกำหนดของกฎหมายให้กับบุคลากรและผู้ร่วมประชุม

4. การละเมิดของผู้จัดการประชุมออนไลน์โดยไม่เจตนา : กรณีนี้แม้จะไม่เข้าข่ายจงใจละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์ แต่ไม่ว่าจะประมาทเลินเล่อ หรือมีเจตนา กฎหมาย PDPA ก็นับว่าเป็นการกระทำผิด และบ่อยครั้งในการประชุมออนไลน์ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มักจะมีการเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อีเมล และ Meeting ID ของผู้เข้าร่วมประชุมฯ ซึ่งหากเป็นการประชุมแบบเปิด ก็เป็นไปได้มากที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมประชุมจะถูกเปิดเผยโดยที่เจ้าของข้อมูลก็อาจจะไม่ทราบว่าข้อมูลนั้นจะตกอยู่ในมือผู้ไม่ประสงค์ดีบ้างหรือไม่ ทั้งอาจก่อให้เกิดการทำผิดกฎหมายในลักษณะอื่นๆ ได้ด้วย

5. ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ไม่เพียงพอ : กรณีนี้เกิดจากผู้จัดการประชุมขาดการลงทุนเทคโนโลยีและซอฟท์แวร์ด้านการคุ้มครองข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ SME แต่สิ่งที่ควรทราบ คือ ผู้จัดการประชุมอาจเข้าข่ายมีสถานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA เนื่องจากองค์กรได้จัดให้มีการประชุมออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งมีการบันทึกข้อมูลการร่วมประชุมและจัดเก็บข้อมูล แต่กลับไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่เพียงพอและก่อให้เกิดการรั่วไหลจนนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

6. ไม่ดำเนินการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล : กรณีนี้ก็พบได้บ่อย เนื่องจากบางธุรกิจ หรือบางองค์กรยังขาดความเข้าใจในข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA และสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งโดยการจัดประชุมออนไลน์มีจะมีจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผย เช่น อีเมล ชื่อ-นามสกุล Meeting ID ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปเสียง ฯลฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ จึงได้รับความคุ้มครองและต้องดำเนินการขอความยินยอมในการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผย และแจ้งวัตถุประสงค์ในการดำเนินการแก่เจ้าของข้อมูลตามกฎหมาย

 

แนวทางด้านความปลอดภัยในการประชุมออนไลน์ภายใต้กฎหมาย PDPA ที่แนะนำว่าทุกองค์กรควรนำมาใช้

• คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ : ไม่ว่าจะเป็นการแฮกข้อมูล ลวงข้อมูล หรือการโจมตีในรูปแบบต่างๆ ที่แฮกเกอร์ได้พัฒนากลวิธีขึ้นมา จนกล่าวได้ว่า ‘การโจมตีทางไซเบอร์’ หรือ Cyber Attack เป็นภัยคุกคามขององค์กรธุรกิจในยุคนี้ ขณะที่กฎหมาย PDPA ระบุว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ควรมีมาตรการและระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอสำหรับความเสี่ยง ดังนั้น ผู้จัดการประชุมออนไลน์จึงต้องคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลผู้เข้าร่วมประชุมอย่างเหมาะสมกับความเสี่ยง เช่น วางระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง มีระบบตรวจสอบผู้ใช้อยู่เสมอ การควบคุมการเข้าถึงที่ข้อมูล และกำหนดระยะเวลาในการทำลายหรือทำให้เป็นข้อมูลแฝงไว้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการเลือกใช้เครื่องมือ และแพลตฟอร์มการประชุมที่มีความปลอดภัย

• สร้างความเข้าใจเรื่องกฎหมาย PDPA แก่ผู้ร่วมประชุม : จะเห็นว่า บ่อยครั้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลเกิดจากการรั่วไหลหรือละเมิดจากภายในองค์กร หรือเกิดจากผู้ร่วมประชุมไปละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น เช่น กรณีการบันทึกภาพ วิดีโอการประชุมไปเผยแพร่บนออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดการประชุมหรือ Host ต้องมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องกฎหมาย PDPA รวมทั้งการ ‘ขอความยินยอม’ ในกรณีมีการเก็บ ประมวลผล ส่งต่อแก่บุคคลที่สาม หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการดำเนินการอย่างชัดเจน ตลอดจนการดำเนินการตามกฎหมายในสถานะผู้ควบคุมข้อมูลฯ

• นำวิธีการทางเทคนิค หรือใช้ซอฟท์แวร์การจัดการประชุมอย่างเหมาะสม : เช่น ซอฟต์แวร์บางประเภทจะมี Options ให้ Host สามารถตั้งค่าล็อกห้องประชุมทันทีเมื่อครบองค์ประชุม หรือมีตัวเลือกให้ปิดการแชร์ข้อมูลของห้องประชุมได้เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยในการประชุม และซอฟท์แวร์ด้านการคุ้มครองและการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล

• กำหนดมาตรการด้านสิทธิของเจ้าของข้อมูล : ตามกฎหมาย PDPA เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของตนที่องค์กรได้มีการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผย รวมทั้งสิทธิในการขอให้แก้ไข ระงับ ถ่ายโอน เพิกถอนความยินยอม หรือให้ลบทำลายข้อมูล ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดการประชุมออนไลน์ที่มีการบันทึกและจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องกำหนดช่องทางการติดต่อและการรับคำร้องต่างๆ จากเจ้าของข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย

• มีมาตรการด้านจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์อย่างเหมาะสม : เช่น องค์กรสามารถนำหลักการเรื่อง e-Document และระบบจัดการเอกสาร DMS (Document Management System) มาปรับใช้ในองค์กรและการจัดการเอกสารการประชุมออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งไม่เพียงสามารถลดการจัดการด้านเอกสาร แต่ยังช่วยเรื่องการเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นความลับและปลอดภัยต่อการละเมิดได้อีกด้วย

• แจ้งเหตุและจัดทำบันทึกรายการ : ผู้จัดการประชุมออนไลน์ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หากพบการละเมิดข้อมูลฯ หรือการโดนโจมตีทางไซเบอร์และเกิดข้อมูลรั่วไหลจะต้องแจ้งเหตุแก่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงนับตั้งแต่ทราบเหตุ รวมทั้งต้องมีการจัดทำบันทึกรายกายกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบ

 

อย่างไรก็ตาม รายการคำแนะนำเหล่านี้อาจไม่ครบถ้วน และยังเป็นการระบุในภาพกว้างๆ แต่ก็ถือว่าเพียงพอให้ธุรกิจได้นำแนวทางเหล่านี้ไปคิดต่อและปรับใช้งานอย่างความเหมาะสมตามโครงสร้างขององค์กร เพื่อให้การจัดประชุมออนไลน์ครั้งต่อไปไม่สุ่มเสี่ยงละเมิดกฎหมายหรือเป็นเหตุให้เกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ การละเลยการจัดประชุมออนไลน์โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและฝ่าฝืนกฎหมายมีบทลงโทษทั้งอาญา ความรับผิดทางแพ่ง และโทษทางปกครอง ขณะเดียวกันยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรอีกด้วย

 

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม