PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA มาตรา 41 ซึ่งกำหนดให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เข้าข่ายตามประกาศ จำเป็นต้องแต่งตั้ง “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ “DPO” และตาม PDPA มาตรา 42 กำหนดหน้าที่ อาทิ ให้คำปรึกษา แนะนำ ประสานงานให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรสอดคล้องตามที่กฎหมาย PDPA กำหนด ซึ่งปัจจุบันกฎหมายยังไม่มีการประกาศ “คุณสมบัติ” ของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หน้าที่ DPO ต้องทำอะไรบ้าง และองค์กรคาดหวังอะไรจาก DPO ?
“ด้วยเหตุนี้ ผมจึงชวน อาจารย์สุกฤษ โกยอัครเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ปรึกษาและสอบทานจาก PDPA Thailand ภายใต้การบริหารงานโดย DPC Group มาช่วยขยายความบทบาทหน้าที่ของ DPO ตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด”

ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DBC Group และผู้ก่อตั้ง PDPA Thailand กล่าวนำเกี่ยวกับการถาม-ตอบ กับ อ.สุกฤษ โกยอัครเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ปรึกษาและสอบทานจาก PDPA Thailand

อาจารย์อุดมธิปก: การทำหน้าที่ DPO มีหลักในการปฏิบัติอย่างไรให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA
อาจารย์สุกฤษ: ในการปฏิบัติ หน้าที่ของ DPO ให้ได้ตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด ผมแนะนำหลักในการปฏิบัติงานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Operational Life Cycle) 4 ขั้นตอน ได้แก่
  1. ขั้นการประเมิน (Assess)
  2. ขั้นการป้องกัน (Protect)
  3. ขั้นการสร้างความยั่งยืน (Sustain)
  4. ขั้นการตอบสนอง (Respond)
 
อาจารย์อุดมธิปก: ขั้นตอนการประเมิน (Assess) DPO ต้องทำอะไรบ้างครับ?
อาจารย์สุกฤษ: สำหรับขั้นตอนการประเมินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น DPO ต้องดำเนินการดังนี้ครับ:
  1. องค์กรต้องแจ้งรายชื่อของผู้ที่รับหน้าที่ “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ DPO พร้อมทั้งรายละเอียดการติดต่อ สถานที่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ให้กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ผ่านช่องทางอีเมลได้ตามที่อยู่อีเมลนี้ (Email: [email protected])
  2. การปฏิบัติหน้าที่ DPO ที่ดี DPO ควรมีการทบทวนบริบทองค์กรและเข้าใจกับประเภทของธุรกิจที่องค์กรดำเนินการอยู่ มีการระบุข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรมีการประมวลผลไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มบัตรสมาชิกอย่างเป็นระบบ การเก็บข้อมูลประวัติอาชญากรรมเพื่อการพิจารณารับคนเข้าทำงานของฝ่าย HR ฯลฯ เพื่อให้ทราบถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลและปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด
  3. DPO ควรมีการกำหนดให้แต่ละหน่วยงานในองค์กรจัดทำ ใบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล หรือ DIM (Data Inventory Mapping) พร้อมทั้งช่วยแนะนำ ตรวจสอบกิจกรรมของหน่วยงานอื่น ๆ ในองค์กร ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้อง และไม่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
  4. DPO ควรมีการแนะนำและช่วยจัดทำ “บันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ RoPA (Record of Processing Activities) ให้เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมาย PDPA มาตรา 39 เพื่อให้องค์กรได้ทราบถึงกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในภาพรวมขององค์กรอย่างละเอียด อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RoPA คลิก
  5. กรณีที่องค์กรมีโครงการ หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาด คู่ค้าใหม่ (New Vendor) หรือแม้กระทั่งองค์กรมีสถานะใหม่อันเกิดจากการควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition) DPO อาจจำเป็นต้องทำ หรือให้เจ้าของโครงการนั้น ๆ จัดทำ “การประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ DPIA (Data Protection Impact Assessment) เพื่อประเมินความเสี่ยง หากกิจกรรมนั้น ๆ มีความเสี่ยงต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพครับ
 
อาจารย์อุดมธิปก: อาจารย์ช่วยขยายความในส่วนของ ขั้นการป้องกัน (Protect) ได้ไหมครับว่า DPO อยู่ในจุดไหนของขั้นตอนนี้
อาจารย์สุกฤษ: ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า DPO จะมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา ซึ่งในส่วนของ ขั้นการป้องกัน (Protect) ผมขอแนะนำดังนี้ครับ
  • DPO ควรศึกษาหรือจัดทำ นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ซึ่งประกอบด้วย นโยบายพนักงาน นโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง นโยบายการรักษาข้อมูล การทำลายข้อมูล ตลอดจนประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notices) ตามมาตรา 23 เพื่อแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
  • กรณีที่องค์กรมีการใช้ฐานความยินยอม (Consent) ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล DPO ควรมีการตรวจสอบในส่วนของแบบฟอร์มที่ใช้ในการขอความยินยอม แม้แต่ช่องทางหรือวิธีการในการถอนความยินยอมตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนด
  • ในกิจกรรมที่องค์กรมีการ “จ้าง” ให้ผู้ใด “ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” แทนในกิจกรรมนั้น ๆ เช่น บริษัทสรรหาบุคลากรเข้าทำงาน ฯลฯ DPO ควรมีการจัดทำ หรือร่วมดำเนินการจัดทำ “ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ DPA (Data Processing Agreement) ตามมาตรา 40 วรรค 3 เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่องค์กรกำหนด
  • หากองค์กรมีการใช้ระบบที่มีการเก็บข้อมูลชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็น การสแกนลายนิ้วมือ หรือใบหน้า เพื่อยืนยันเวลาเข้า – ออก สถานทำงาน ขอแนะนำให้ DPO มีการติดต่อและร่วมมือกับผู้พัฒนาระบบ หรือฝ่าย IT ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัว (Privacy) ให้อยู่ในแผนตั้งแต่กระบวนการการออกแบบ (Privacy by Design) เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับกฎหมายด้วยครับ
 
อาจารย์อุดมธิปก: แล้วในขั้นการสร้างความยั่งยืน (Sustain) เกี่ยวข้องกับ DPO อย่างไรบ้างครับ?
อาจารย์สุกฤษ: มองเผิน ๆ คำว่าความยั่งยืนอาจดูไม่เกี่ยวข้องกับ DPO ในทางตรง แต่หากมองลงไปให้ลึกกว่านี้ การสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ไม่เพียงจะช่วยให้ DPO ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่จะช่วยให้ DPO สัมฤทธิ์ผลในการปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ด้วย ซึ่งผมขอแนะนำในการสร้างความยั่งยืน ดังนี้
  • แนะนำให้ DPO มีการสอบทาน (Audit) การดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย PDPA ทั้งในส่วนของเอกสาร มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล ฯลฯ ซึ่งส่วนนี้สามารถทำร่วมกับบุคคลากรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางร่วมด้วยได้ องค์กรมีการสอบทานอยู่เป็นประจำ ช่วยลดเสี่ยงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้เป็นอย่างมาก
  • DPO ควรผลักดัน หรือจัดอบรม (Training) ในเรื่องของกฎหมาย PDPA อยู่เสมอ เพื่อสร้างทักษะและส่งเสริมความรู้ ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงผลักดันโครงการฝึกอบรมที่มีความรอบด้าน เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) เป็นต้น
  • เพื่อให้บุคลากรในองค์กร มีการปฏิบัติงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน DPO สามารถจัดทำคู่มือการทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎหมาย PDPA กำหนดครับ
 
อาจารย์อุดมธิปก: สุดท้ายในส่วนของ ขั้นการตอบสนอง (Respond) DPO ควรปฏิบัติอย่างไรครับ?
อาจารย์สุกฤษ: ในส่วนของการตอบสนองผมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังนี้ครับ
  • ส่วนของการตอบสนองการใช้ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ DSR  (Data Subject Request) DPO ควรมีการวางแผนตั้งแต่การออกแบบ แบบฟอร์มการขอใช้สิทธิ ช่องทางการขอใช้สิทธิ การติดต่อสื่อสารกับผู้ร้องขอ ฯลฯ รวมถึงบริหารจัดการการร้องขอในกรณีที่ผู้ใช้สิทธิเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือแม้แต่บุคคลหย่อนความสามารถด้วยเช่นกัน
  • ในส่วนสุดท้ายนี้ จะเป็นเรื่องของการรายงานการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Breach Management) ขอแนะนำให้ DPO มีการวางมาตรการตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ จัดทำ ปรับปรุงให้ผู้รับผิดชอบในองค์กรและพนักงานทราบ รวมถึงเป็นคนกลางประสานงาน ตรวจสอบ ค้นหาความจริง กรณีเกิดเหตุละเมิดในองค์กร พร้อมทั้งนำเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นไปทบทวนถึงต้นตอของปัญหาและหาวิธีป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าวอีกครั้งในอนาคต
 
อาจารย์อุดมธิปก: จากทั้งหมดที่อาจารย์สุกฤษกล่าวมา แสดงให้เห็นเลยว่าในเรื่องของกฎหมาย PDPA มีเรื่องที่องค์กรและ DPO ต้องเตรียมความพร้อมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ ประสบการณ์ งบประมาณ และระยะเวลา เพื่อให้องค์กรดำเนินการงานได้สอดคล้องตามกฎหมายกำหนด
หากท่านใดอยากรู้ว่าตัวเองมีความรู้และความเข้าใจเรื่องกฎหมาย PDPA มากน้อยแค่ไหน ขอแนะนำแบบประเมินความรู้ด้วย PDPA Quiz >> คลิก หรือยังไม่มั่นใจว่าองค์กรเข้าข่ายต้องแต่งตั้ง DPO แล้วหรือยัง สามารถตรวจสอบได้ด้วยแบบประเมินองค์กร DPO Checklist >> คลิก
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม