PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในฝั่งยุโรป เห็นได้จากข่าวนี้

คุณยายคนหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ถูกศาลสั่งให้ลบภาพถ่ายของหลานที่เธอโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กและพินเทอเรสต์ (Pinterest) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ของเด็ก (ตามกฎหมาย GDPR ระบุว่าเป็นผู้มีอำนาจที่จะให้ความยินยอมแทนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี) พร้อมกับจ่ายค่าปรับ เรื่องราวนี้ถูกยื่นขึ้นฟ้องต่อศาลเมื่อคุณยายปฏิเสธที่จะลบรูปภาพถ่ายของหลานออกจากโซเชียลมีเดียตามคำเรียกร้องของลูกสาวแท้ ๆ ของเธอเองหลายต่อหลายครั้ง

ปกติแล้ว GDPR จะไม่ได้มีขอบข่ายการคุ้มครองถึงการประมวลผลภายในครัวเรือน หรือกรณีส่วนตัวมาก ๆ แต่การโพสต์ลงโซเชียลมีเดียทำให้ภาพถ่ายของหลานดังกล่าวเปิดกว้างออกสู่สาธารณะและอาจตกไปอยู่ในมือของบุคคลสามที่เอาไปประมวลผลโดยมิชอบต่อไป และภาพถ่ายของหลานดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ชนชาติตะวันตก (โดยเฉพาะชาวยุโรป) เห็นประเด็นเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ แม้แต่คุณยายแท้ ๆ ของหลานเองก็ไม่ละเว้น! สำหรับในเมืองไทยประเด็นเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจจะยังไม่ได้เห็นเป็นข่าวบ่อยครั้งนัก แต่การประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 อย่างเต็มรูปแบบ และการออกกฎเกณฑ์แนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำลังตามมา จะทำให้เรื่องนี้เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน

แต่เอ … จากข่าวดังกล่าวจะสังเกตเห็นได้ว่า “ภาพถ่าย” ก็เป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายด้วย อย่างนี้การจะถ่ายภาพ/วิดีโอใคร (หรือติดใคร) และเอาไปใช้งาน เราจะต้องขอความยินยอมถ่ายภาพ/วิดีโอจากทุกคน ทุกครั้งไปหรือไม่ เรามาหาคำตอบกันครับ

วิธีการสังเกต ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล ลักษณะใดบ้างไม่ต้องขอ (หรือขอ) ความยินยอม (Consent)

ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่จับภาพหน้าตาของบุคคลอย่างชัดเจน โดยทั่วไปแล้วจะถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่นเดียวกับข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอื่น ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือระหว่างการประมวลผลเสมอ (เก็บ ใช้ หรือเผยแพร่) ยกเว้นเสียแต่จะเข้าข่ายฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ที่ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว

  • การถ่ายภาพบุคคล/การถ่ายวิดีโอบุคคล แล้วติดบุคคลอื่นที่อยู่ทางด้านหลังเป็น Background หากมองเห็นรายละเอียดของใบหน้าไม่ชัดเจน (ไม่ได้โฟกัสที่ใบหน้าของคนอื่นในภาพ) ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้น นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมหลาย ๆ ครั้งเราเห็นความพยายามที่จะเบลอใบหน้าของผู้ที่อยู่ในพื้นหลัง/องค์ประกอบของภาพหรือวิดีโอให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และระบุตัวตนไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นนั่นเอง
  • ภาพ/วิดิโอสถานที่ในมุมกว้าง แล้วติดบุคคลในระยะไกลจนไม่สามารถมองเห็นภาพใบหน้าได้อย่างชัดเจน ไม่มีการโฟกัสที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจง ไม่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และไม่ต้องขอความยินยอมจากบุคคลในภาพแต่อย่างใด แต่เจ้าของสถานที่หรือผู้มีอำนาจสั่งให้เก็บหรือประมวลผลข้อมูลในลักษณะอื่น ควรแจ้งให้บุคคลในสถานที่ทราบว่าจะมีการเก็บภาพ/วิดีโอ และนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ติดป้ายเอาไว้ทั่วบริเวณของสถานที่ให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง เป็นต้น
  • รูปถ่ายบุคคลแบบไม่เห็นใบหน้า/เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม แต่ในกรณีที่มีสัญลักษณ์เฉพาะบางประการที่เมื่อประกอบกับบุคคลในภาพแล้วสามารถทำให้ระบุตัวตนได้ (Identifier) เช่น บัตรพนักงานที่หน้าอกสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน บุคคลนั่งอยู่ที่ตำแหน่งโต๊ะทำงานส่วนตัวซึ่งบอกได้ว่าเป็นของใคร เป็นต้น จะจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหากมีการประมวลผล
  • ภาพ/วิดีโอบุคคลที่ไม่มีชีวิตอยู่ ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล
  • การเก็บภาพวิดีโอ CCTV ของที่พักอาศัยรวมหรือสถานที่สาธารณะ ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากเป็นการเก็บภาพวิดีโอวงจรปิดเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในอาณาบริเวณของสถานที่ เท่ากับเป็นการกระทำที่เข้าข่ายฐานทางกฎหมาย “ประโยชน์อันชอบธรรม” (Legitimate Interest) ของเจ้าของสถานที่หรือผู้อาศัยภายในบริเวณ หากมีมาตรการดูแลรักษาข้อมูลตรงตามหลัก Principles ของการคุ้มครองข้อมูลแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามควรติดป้ายว่า สถานที่นี้มีการใช้กล้อง CCTV ดังที่เราจะสามารถเห็นได้ในหลาย ๆ สถานที่ (โดยไม่ได้เป็นการขู่ให้ผู้ที่จะกระทำความผิดกลัว แต่เป็นการแจ้งให้บุคคลในสถานที่ทราบว่ามีโอกาสถูกเก็บข้อมูลของบุคคลในรูปแบบวิดีโอครับ)

คราวนี้ก็พอรู้กันแล้วนะครับว่าการถ่ายภาพหรือวิดีโอในลักษณะหน้าตาอย่างไรที่เข้าข่ายข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นข้อมูลที่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้ ต้องขอความยินยอมจากบุคคลที่อยู่ในภาพ และถึงแม้จะขออนุญาตถ่ายแล้ว (ซึ่งเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขั้นต้น) การประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นเพิ่มเติม เช่น การนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือการนำไปตัดต่อดัดแปลง ก็ควร/จำเป็น ที่จะต้องขอความยินยอมให้ครอบคลุมหรือขอความยินยอมเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งด้วย

ภาคส่วนของประเทศในสหภาพยุโรปที่มองเห็นประเด็นการประมวลผลข้อมูล ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ ก็คือ มหาวิทยาลัย/วิทยาลัย ต่าง ๆ เนื่องจากสถานศึกษามักมีการเก็บภาพและวิดีโอของนักเรียนเพื่อเอาไว้โฆษณาประชาสัมพันธ์อยู่เสมอ จนแทบจะทุกที่มีการทำนโยบายในด้านคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกมาอย่างละเอียดยิบ และมักมีการขอความยินยอมเอาไว้ว่าจะมีการถ่ายภาพ/วิดีโอในบริเวณแคมปัสตั้งแต่แรกเริ่มลงทะเบียนเพื่อเข้าเรียนเสียด้วยซ้ำ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและสร้างความเข้าใจกันของทั้งฝ่ายผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล


หลักสูตร ICDL Personal Data Protection Certificate (PDPC) เรียนรู้เพิ่มเติม วิเคราะห์เป็น ข้อมูลอะไรเข้าข่ายเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอีกบ้าง 

คลิ๊กสอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ Facebook: PDPA ICDL Thailand

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม