PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

ผลิตภัณฑ์ของ Google ได้กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งหลังจากที่ก่อนนี้ เกิดการฟ้องร้องในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาจากกรณีการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลในโหมด ส่วนตัว ที่ไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวตามชื่อ โดยทาง Google ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า แม้จะอยู่ในโหมดส่วนตัวแต่ก็มีการเก็บข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้งาน และได้มีการระบุไว้ในเอกสารความยินยอมอย่างชัดเจน

ต่อจากนั้นในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็มีการฟ้องร้องการละเมิดความเป็นส่วนตัวของ Google โดยคำตัดสินของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของออสเตรเลีย(DPA) ที่ได้พิจารณาแล้วว่าการใช้งาน Google Analytics เป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป หรือ GDPR (General Data Protection Regulation)

ซึ่งในเวลาต่อมา คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ก็ได้พิจารณาว่า การใช้ Google Analytics เพื่อประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในการเข้าถึงเว็บไซต์ก็เป็นการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย GDPR เช่นเดียวกัน

ดังนั้น คำถามที่หลายคนอยากรู้ในตอนนี้คือ เจ้าของเว็บไซต์และผู้ประผลข้อมูลในเว็บไซต์ที่ใช้ Google Analytics เครื่องมือยอดฮิตที่มีการใช้งานอย่างกมากมายในประเทศไทยจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน  2565 ด้วยหรือไม่???

ประเด็นนี้อาจจะต้อง ตีความตามกฎหมาย โดยเปรียบเทียบกับกฎหมาย GDPR ซึ่งเป็นแม่แบบของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลก ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ระบุว่า Google ในกรณีนี้ มีสถานะเป็นทั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)  และยังเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ด้วย ดังนั้น แม้ข้อมูลที่มีการจัดเก็บจาก Google Analytics จะไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้

แต่เนื่องจาก Google มีการจัดเก็บและถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก และทำให้ ชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ ที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่หากนำข้อมูลหลายๆ อย่างมารวมกันก็ไม่ยากที่จะระบุตัวตนบุคคลนั้นๆ ได้

เหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต Google Analytics อาจจะไม่สามารถใช้งานได้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป เว้นแต่ Google จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการใหม่ และมีความเป็นไปได้ว่าจะกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน

 

ใช้งาน Google Analytics จะผิดกฎหมาย PDPA หรือไม่?

คำถามต่อมา คือ แล้วผู้ใช้งาน Google Analytics ในประเทศไทยจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA ด้วยหรือไม่ ซึ่งคำตอบนี้หากสรุปตามพื้นฐานคำติดสินของกฎหมาย GDPR ก็น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน !!!

ทั้งนี้จากข้อมูลของ Google Analytics ที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ อาทิ หน้าเว็บไซต์ที่มีการเข้าถึงหรือใช้งาน ระยะเวลาในการในงาน อายุผู้ใช้งาน ตำแหน่งที่ตั้ง ช่องทางการใช้งาน (เบราว์เซอร์) ชนิดของอุปกรณ์ในการใช้ ตลอดจนความสนใจของผู้ใช้ อันนำไปสู่ ​​Conversion หรือ การกระทำบางอย่างที่ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ (อาจจะ) ถูกใช้เป็นเป้าหมายในการทำการโฆษณา หรือกิจกรรมในการค้ารูปแบบต่างๆ ก็เข้าข่ายที่สามารถระบุตัวตนใน ทางอ้อม ได้เช่นกัน

โดยกฎหมาย PDPA ข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม ผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งในที่นี้คือผู้ให้บริการเว็บไซต์จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลตามสิทธิตามกฎหมาย

เรื่องนี้ทางผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็คือ Google ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ Google Analytics ก็จะมีผลให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ และผู้ประมวลผลข้อมูลเว็บไซต์จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน รวมถึงการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเดียวกันด้วย กลายเป็น โดมิโน ที่จะล้มกันเป็นทอดๆ และกระทบเป็นวงกว้างในที่สุด

ผู้ดูแลเว็บไซต์และผู้ประมวลผลจะปรับตัวอย่างไร?

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งาน Google Analytics ในประเทศไทยจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามหลักปฏิบัติสากลเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย PDPA โดยมีแนวทางปรับตัวเพื่อให้การเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ไม่เป็นการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ดังนี้

1.ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนถึงการเก็บข้อมูลและประมวลผลผู้ใช้งานเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือ Google Analytics

2.ประกาศนโยบาย และการขอความยินยอมขอใช้งานคุกกี้ (Cookie Policy and Cookie consent) ตามกฎหมายต้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเว็บไซต์ได้มีการใช้คุกกี้ประเภทใดบ้าง มีการจัดเก็บข้อมูลใดบ้าง มีระยะเวลาในการจัดเก็บนานเท่าไร การดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะใดบ้าง รวมถึงขอการยินยอมใช้งานคุกกี้ดังกล่าว โดยผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถเลือกให้ความยินยอมใช้งานคุกกี้ได้ตามต้องการ

3.สร้างกลไกในการลบหรือแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์ โดยล่าสุดทาง Google Analytics ได้มีการปรับแต่งให้สามารถลบข้อมูลผู้ใช้หากมีการร้องขอให้ดำเนินการ

4.จัดทำข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล หากองค์กรธุรกิจคุณมีการแบ่งบันหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์แก่ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลในกิจกรรมด้านการขายหรือส่งเสริมการขาย

 

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นขององค์กรธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม เรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย GDPR ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงได้กับกฎหมาย PDPA อาจจะส่งผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจในหลายด้าน เช่น

  • ความไม่เสถียรของหลักเกณฑ์ และการดำเนินการเนื่องจากกฎหายคุ้มครองข้อมูลผู้บริโภคยังเป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับทุกองค์กร และจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และตีความตามข้อกฎหมาย ดังนั้นองค์กรอาจจะได้รับผลกระทบในช่วงเริ่มต้น
  • เกิดเป็นต้นทุนการจัดการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อาจจะต้องสร้างระบบขึ้นมาเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมาย
  • ส่งผลต่อธุรกิจข้ามพรมแดน หรือธุรกิจที่มีการส่งต่อ หรือถ่ายโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ ซึ่งตามกฎหมาย PDPA การส่งต่อหรือถ่ายโอนข้อมูลไปยังประเทศปลายทาง ประเทศนั้นจะต้องมีกฎหมายหรือมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีมาตรฐานที่ทัดเทียมกัน
  • มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการฟ้องร้องเรื่องสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยข้อสังเกตนี้มาจากสมมติฐานของพฤติกรรมของผู้คนยุคใหม่ที่เคารพสิทธิและต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจะต้องให้ความระมัดระวังในด้านการเก็บ รวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ผลสืบเนื่องจากกรณีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในการใช้งาน Google Analytics จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ใช้  Google Analytics ก็จะต้องศึกษา และระมัดระวังการใช้งานเครื่องมือนี้เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ละเมิดกฎหมาย PDPA

 

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม