PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

เนื่องจากพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ กำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศให้หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยนับเป็นหนึ่งในชุดกฎหมายดิจิทัลเพื่อยกขีดจำกัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมในการใช้บริการออนไลน์ในชีวิตประจำวัน  

 

ถึงแม้จะมีการบังคับใช้ไปร่วม 3 เดือนแล้ว แต่หลายท่านคงยังมีความสงสัยในเรื่องของ PDPA และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม รวมถึงไขข้อสงสัยให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ที่มีความสนใจ ทาง PDPAThailand จึงได้สรุป 5 ประเด็นคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มาให้ทำความเข้าใจและตอบคำถามเกี่ยวกับ พรบ. ฉบับนี้กันค่ะ

กฎหมาย PDPA

ตอบ : ได้ ! ในกรณีที่ มีการถ่ายรูปและติดบุคคล ทั้งโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ บุคคลนั้นๆสามารถขอให้ลบรูปได้  

กฎหมาย PDPA

ตอบ : ได้  ! หากเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว และไม่ก่อนให้เกิดความเสียหาย   เว้นแต่! มีการจงใจถ่ายที่ใบหน้า ร่างกายของบุคคลด้วยความจงใจ หรือการถ่ายนั้นสามารถนำมาซึ่งความอับอายหรือเสียหายได้ หรือมีการใช้ในเชิงพาณิช ถือว่า ผิด! 

กฎหมาย PDPA

ตอบ : ‘กล้องหน้ารถ’  สามารถติดตั้งได้โดยที่ไม่ต้องแจ้งให้ใครทราบว่ารถของเรามีกล้อง แต่ให้ระมัดระวังในการใช้ภาพจากกล้อง  

โดยหากมีการนำเนื้อหาในกล้องเฉพาะข้อมูลบางส่วนไปใช้เพื่อสร้างความเสียหาย อับอาย ให้แก่บุคคลที่ปรากฏในภาพ หรือนำไปใช้เพื่อการค้า หารายได้ หรือนำไปใช้กรณีอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว แบบนี้จะผิดกฎหมายทันที

กฎหมาย PDPA

ตอบ : ข้อมูลศาสนา ถือเป็นข้อมูลประเภทอ่อนไหว หรือ Sensitive Data และในปัจจุบันรัฐบาลประกาศแล้วว่าไม่มีความจำเป็นต้องเก็บสำเนาบัตรประชาชน แต่ใช้วิธีการแจ้งเลขบัตรประชาชนแทน  ดังนั้นหากหน่วยงานนั้น ไม่มีความจำเป็นช้องใช้ข้อมูลศาสนา ก็ควรตัดออก และไม่ควรเก็บข้อมูลศาสนา

กฎหมาย PDPA

ตอบ :  Terms of Services เป็นเอกสารที่อธิบายถึงขอบเขตการให้บริการให้แก่ผู้ใช้บริการ เงื่อนไข ข้อจำกัด ความรับผิดต่างๆของผู้ให้บริการดังกล่าว รวมถึง การกำหนดข้อห้ามในการใช้บริการไว้ สำหรับเอกสารนี้กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องทำ และไม่มีแบบ

Privacy Notice เป็นเอกสารที่ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการ ในฐานะเจ้าของข้อมูล ได้ทราบเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลที่จะดำเนินการ โดย PDPA กำหนดให้เป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ และกำหนดหัวข้อที่ต้องเขียนในเอกสารไว้

ทั้ง 2 เอกสาร นี้มีความเชื่อมโยงกัน  โดย “Terms of Services” เป็นเอกสารที่แจ้ง การให้บริการซึ่งแสดงหน้าที่ตามสัญญาที่ผู้ควบคุมข้อมูลต้องให้แก่เจ้าของข้อมูล ซึ่งหากผู้ควบคุมข้อมูลมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ระบุไว้ใน Terms of Services ย่อมเป็นกรณีที่ผู้ควบคุมมีสิทธิประมวลข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งถือเป็นฐานการประมวลผลที่ พ.ร.บ. อนุญาตรองรับ และผู้ควบคุมข้อมูลมีเพียงหน้าที่แจ้งการ ประมวลผลดังกล่าวลงใน “Privacy Notice” เท่านั้น ไม่ต้องขอความยินยอม

จะเห็นได้ว่า พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุลคล (PDPA) ฉบับใหม่นี้ได้เพิ่มความคุ้มครองและความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล โดยที่ต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูล รวมทั้งสามารถปฏิเสธการให้ข้อมูลได้ รวมทั้งการเพิ่มบทลงโทษให้ครอบคลุมถึงการฟ้องทั้งทางแพ่ง อาญาและปกครอง ต่อกรรมการหรือผู้จัดการที่กระทำผิดเกี่ยวข้องโดยตรง  

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม