PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 มีขอบข่ายของกฎหมายเพื่อคุ้มครองการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนคนไทย ซึ่งถ้าหากเราไม่ดำเนินการตามกฎหมายและเกิดกรณีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น อาจทำให้คุณเสียค่าปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาท (เฉพาะโทษทางปกครอง และยังไม่นับรวมโทษอื่นอีก) ดังนั้น บริษัท หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการรายย่อยต้องระวัง!

แล้วคุณจะทำอย่างไรไม่ให้เข้าข่ายมีความผิดกันนะ? PDPC มีคำตอบครับ

กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้ง 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (PDPA) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) กำหนดให้ “การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากคุณดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายที่เหมาะสม

ข้อควรสังเกต: GDPR ระบุฐานของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ 6 ฐาน ส่วน PDPA ได้ปรับปรุงฐานของการประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 1 ฐาน คือ ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย รวมเป็นทั้งหมด 7 ฐานด้วยกัน มีรายละเอียดดังนี้

7 ฐานการ ประมวลผลข้อมูล ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  • ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest)

กรณีที่การประมวลผลข้อมูลมีความจำเป็นต่อการปกป้องประโยชน์สำคัญของเจ้าของข้อมูล อย่างเช่นเพื่อปกป้องอันตรายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพหรือชีวิตของเจ้าของข้อมูล ผู้ควบคุมข้อมูลสามารถใช้ฐานนี้เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับสุขภาพ หรือข้อมูลอ่อนไหวอื่น ๆ ได้ (เฉพาะเมื่อเจ้าของข้อมูลอยู่ในสภาวะไม่สามารถให้ความยินยอม)

  • ฐานสัญญา (Contract)

สัญญาคือการตกลงแลกเปลี่ยนกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราสามารถประมวลผลข้อมูลได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการให้บริการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การประมวลผลข้อมูลธุรกรรมของบุคคลเพื่อคำนวณดอกเบี้ยของธนาคาร หรือการประมวลผลชื่อและที่อยู่ของบุคคลเพื่อดำเนินการจัดส่งสินค้าของบริษัทขนส่ง โดยฐานนี้จะสามารถใช้ได้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปเท่านั้น (ไม่สามารถใช้กับการประมวลผล Sensitive Data ได้) และจำกัดการประมวลผลเฉพาะข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นคู่สัญญา

  • ฐานภารกิจสาธารณะ/อำนาจรัฐ (Public Task / Official Authority)

ผู้ที่สามารถใช้ฐานนี้ในการประมวลผลข้อมูลได้มักเป็นเจ้าหน้าที่หรือองค์กรของรัฐ ในกรณีที่การประมวลผลนั้น ๆ จำเป็นต่อการดำเนินงานตามภารกิจของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรมด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

ผู้ประกอบการสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีที่จำเป็นต่อการดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ควบคุมข้อมูลและบุคคลอื่นอย่างสมเหตุสมผล เช่น การบันทึกวงจรปิดเพื่อป้องกันอาชญากรรม การประมวลข้อมูลเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบและเครือข่าย หรือการส่งต่อข้อมูลในเครือบริษัทเพื่อการบริหารจัดการและประโยชน์ของพนักงาน เป็นต้น

  • ฐานการปฎิบัติ/หน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)

ผู้ควบคุมข้อมูลสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นได้ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ามีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย โดยต้องสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย หรือกระทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น การประมวลผลข้อมูลตามคำสั่งศาล การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของลูกจ้างต่อกรมสรรพากร หรือการเก็บข้อมูลการจราจรของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามที่ถูกกำหนดในพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

  • ฐานความยินยอม (Consent)

ความยินยอมสามารถใช้เป็นฐานการประมวลผลได้เฉพาะในกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้สมัครใจ “เลือก” ยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลประมวลผลข้อมูลได้ โดยผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องดำเนินการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเสียก่อน ด้วยการจัดทำแบบฟอร์มขอความยินยอมเป็นหนังสือหรือทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะที่ชัดแจ้ง แยกส่วนจากข้อความอื่น รูปแบบเข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย และเป็นภาษาที่อ่านง่ายไม่หลอกลวง

การทำการตลาดแบบตรง การทำระบบสมาชิกสะสมแต้ม และการโฆษณาออนไลน์ตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน จะต้องใช้ฐานความยินยอมเป็นหลักในการประมวลผลข้อมูล

  • ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research, or Statistics)

ฐานการประมวลผลข้อมูลที่มีเพิ่มอยู่ใน PDPA โดยผู้ควบคุมข้อมูลสามารถนำเอาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลมาประมวลผลได้บนพื้นฐานของการทำบันทึกจดหมายเหตุ วิจัย หรือสถิติต่าง ๆ อย่างไรก็ตามมีเงื่อนไขสำคัญคือต้องมีมาตรการปกป้องคุ้มครองข้อมูลนั้นอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรืออย่างน้อยเป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (ซึ่งยังคงต้องรอประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ)

ส่วนใน GDPR กำหนดให้ การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปประมวลผลเพื่อการศึกษาวิจัยและสถิติ จะต้องอ้างฐานใดฐานหนึ่งใน 6 ฐานการประมวลผลข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นประกอบด้วยเสมอ

ฐานความยินยอมควรเป็นทางเลือกสุดท้าย!

จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่การขอความยินยอมเท่านั้นที่จะช่วยให้คุณสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแค่ฐานความยินยอมเป็นฐานการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในวงการการตลาดแบบดั้งเดิมและการตลาดออนไลน์ซึ่งมีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าเป็นสำคัญ

การขอความยินยอมใช้เป็นฐานเพื่ออ้างอิงการประมวลผลข้อมูลที่ไม่มั่นคงที่สุดจากบรรดาฐานการประมวลผลทั้งหมด เนื่องจากหากเจ้าข้อมูลไม่ยินยอมคุณก็ไม่มีสิทธิ์ในการประมวลผลข้อมูล แถมเจ้าของข้อมูลยังสามารถขอถอนความยินยอมเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน

ดังนั้น ลองสำรวจให้แน่ใจดูก่อนว่า ลักษณะของการประมวลผลข้อมูลของคุณ ไม่ว่าจะในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สามารถเข้าข่ายของการดำเนินการตามฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ได้หรือไม่ ก่อนจะไล่สำรวจไปจนถึงฐานความยินยอม โดยการขอความยินยอมเพื่อประมวลผลข้อมูล (ส่วนบุคคล) ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายที่คุณเลือก

เลือกและระบุฐานการ ประมวลผลข้อมูล ให้ชัดเจน

ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องระบุฐานในการประมวลผลข้อมูลก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (อ้างอิงจาก ICDL Workforce Data Protection Syllabus 1.0) และต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลนั้นให้เจ้าของข้อมูลทราบ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงสิทธิของตนเอง เนื่องจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะมีสิทธิที่แตกต่างกันออกไปตามฐานการประมวลผลที่ระบุ เช่น กรณีข้อมูลส่วนบุคคลถูกประมวลผลบนฐานภารกิจสาธารณะ/อำนาจรัฐ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่อาจขอลบข้อมูลของตนเองได้ แต่ในทางกลับกัน เจ้าของข้อมูลเลือกที่จะขอลบข้อมูลของตนจากบริษัทที่เก็บข้อมูลบนฐานความยินยอมได้ เป็นต้น นอกจากนั้น การระบุฐานในการประมวลผลข้อมูลยังเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง เมื่อถูกตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้องมูลส่วนบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วยครับ

เพียงเลือกฐานการประมวลผลข้อมูลฐานใดฐานหนึ่ง และดำเนินการตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้คุณสามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่าง “ผ่านฉลุย” ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และแนวทางปฎิบัติตามกฎหมาย ต้องหลักสูตร PDPC – Personal Data Protection Certificate หรือสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook PDPA ICDLTHAILAND

หากผู้บริหารองค์กรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเกี่ยวกับด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรท่านใด ได้อ่านบทความข้างต้น แล้วยังมีความสับสนว่าองค์กรสามารถปรับประยุกต์ใช้ฐานทางกฎหมายใดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้บ้าง รู้ได้อย่างไรว่าคุณควรเลือกใช้ฐานการประมวลผลไหน และมีแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในภาพรวมอย่างไร บริษัท ดิจิทัล บิสิเนส คอนซัลท์ จำกัด (Digital Business Consult: DBC) ยินดีรับให้คำปรึกษา พร้อมบริการอบรมแบบ In-house Training ภายในองค์กรและอบรมออนไลน์หลักสูตร Personal Data Protection Certificate ครบวงจร เพื่อเป็น Solution ให้กับองค์กรที่ต้องการดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (PDPA)

Our Consultation Service <<< คลิกเพื่อศึกษารายละเอียดบริการที่ปรึกษาด้าน PDPA
PDPA Thailand <<< หรือคลิกเพื่อสอบถามข้อมูลผ่านทาง Facebook Messenger

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม