Data Protection – ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล ต้องยินยอมก่อนประมวลผลหรือไม่?

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : pornpilast.su

Data Protection – ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล ต้องยินยอมก่อนประมวลผลหรือไม่?

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : pornpilast.su

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในฝั่งยุโรป เห็นได้จากข่าวนี้

คุณยายคนหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ถูกศาลสั่งให้ลบภาพถ่ายของหลานที่เธอโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กและพินเทอเรสต์ (Pinterest) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ของเด็ก (ตามกฎหมาย GDPR ระบุว่าเป็นผู้มีอำนาจที่จะให้ความยินยอมแทนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี) พร้อมกับจ่ายค่าปรับ เรื่องราวนี้ถูกยื่นขึ้นฟ้องต่อศาลเมื่อคุณยายปฏิเสธที่จะลบรูปภาพถ่ายของหลานออกจากโซเชียลมีเดียตามคำเรียกร้องของลูกสาวแท้ ๆ ของเธอเองหลายต่อหลายครั้ง

ปกติแล้ว GDPR จะไม่ได้มีขอบข่ายการคุ้มครองถึงการประมวลผลภายในครัวเรือน หรือกรณีส่วนตัวมาก ๆ แต่การโพสต์ลงโซเชียลมีเดียทำให้ภาพถ่ายของหลานดังกล่าวเปิดกว้างออกสู่สาธารณะและอาจตกไปอยู่ในมือของบุคคลสามที่เอาไปประมวลผลโดยมิชอบต่อไป และภาพถ่ายของหลานดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ชนชาติตะวันตก (โดยเฉพาะชาวยุโรป) เห็นประเด็นเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ แม้แต่คุณยายแท้ ๆ ของหลานเองก็ไม่ละเว้น! สำหรับในเมืองไทยประเด็นเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจจะยังไม่ได้เห็นเป็นข่าวบ่อยครั้งนัก แต่การประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 อย่างเต็มรูปแบบ และการออกกฎเกณฑ์แนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำลังตามมา จะทำให้เรื่องนี้เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน

แต่เอ … จากข่าวดังกล่าวจะสังเกตเห็นได้ว่า “ภาพถ่าย” ก็เป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายด้วย อย่างนี้การจะถ่ายภาพ/วิดีโอใคร (หรือติดใคร) และเอาไปใช้งาน เราจะต้องขอความยินยอมถ่ายภาพ/วิดีโอจากทุกคน ทุกครั้งไปหรือไม่ เรามาหาคำตอบกันครับ

วิธีการสังเกต ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล ลักษณะใดบ้างไม่ต้องขอ (หรือขอ) ความยินยอม (Consent)

ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่จับภาพหน้าตาของบุคคลอย่างชัดเจน โดยทั่วไปแล้วจะถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่นเดียวกับข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอื่น ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือระหว่างการประมวลผลเสมอ (เก็บ ใช้ หรือเผยแพร่) ยกเว้นเสียแต่จะเข้าข่ายฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ที่ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว

  • การถ่ายภาพบุคคล/การถ่ายวิดีโอบุคคล แล้วติดบุคคลอื่นที่อยู่ทางด้านหลังเป็น Background หากมองเห็นรายละเอียดของใบหน้าไม่ชัดเจน (ไม่ได้โฟกัสที่ใบหน้าของคนอื่นในภาพ) ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้น นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมหลาย ๆ ครั้งเราเห็นความพยายามที่จะเบลอใบหน้าของผู้ที่อยู่ในพื้นหลัง/องค์ประกอบของภาพหรือวิดีโอให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และระบุตัวตนไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นนั่นเอง
  • ภาพ/วิดิโอสถานที่ในมุมกว้าง แล้วติดบุคคลในระยะไกลจนไม่สามารถมองเห็นภาพใบหน้าได้อย่างชัดเจน ไม่มีการโฟกัสที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจง ไม่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และไม่ต้องขอความยินยอมจากบุคคลในภาพแต่อย่างใด แต่เจ้าของสถานที่หรือผู้มีอำนาจสั่งให้เก็บหรือประมวลผลข้อมูลในลักษณะอื่น ควรแจ้งให้บุคคลในสถานที่ทราบว่าจะมีการเก็บภาพ/วิดีโอ และนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ติดป้ายเอาไว้ทั่วบริเวณของสถานที่ให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง เป็นต้น
  • รูปถ่ายบุคคลแบบไม่เห็นใบหน้า/เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม แต่ในกรณีที่มีสัญลักษณ์เฉพาะบางประการที่เมื่อประกอบกับบุคคลในภาพแล้วสามารถทำให้ระบุตัวตนได้ (Identifier) เช่น บัตรพนักงานที่หน้าอกสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน บุคคลนั่งอยู่ที่ตำแหน่งโต๊ะทำงานส่วนตัวซึ่งบอกได้ว่าเป็นของใคร เป็นต้น จะจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหากมีการประมวลผล
  • ภาพ/วิดีโอบุคคลที่ไม่มีชีวิตอยู่ ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล
  • การเก็บภาพวิดีโอ CCTV ของที่พักอาศัยรวมหรือสถานที่สาธารณะ ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากเป็นการเก็บภาพวิดีโอวงจรปิดเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในอาณาบริเวณของสถานที่ เท่ากับเป็นการกระทำที่เข้าข่ายฐานทางกฎหมาย “ประโยชน์อันชอบธรรม” (Legitimate Interest) ของเจ้าของสถานที่หรือผู้อาศัยภายในบริเวณ หากมีมาตรการดูแลรักษาข้อมูลตรงตามหลัก Principles ของการคุ้มครองข้อมูลแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามควรติดป้ายว่า สถานที่นี้มีการใช้กล้อง CCTV ดังที่เราจะสามารถเห็นได้ในหลาย ๆ สถานที่ (โดยไม่ได้เป็นการขู่ให้ผู้ที่จะกระทำความผิดกลัว แต่เป็นการแจ้งให้บุคคลในสถานที่ทราบว่ามีโอกาสถูกเก็บข้อมูลของบุคคลในรูปแบบวิดีโอครับ)

คราวนี้ก็พอรู้กันแล้วนะครับว่าการถ่ายภาพหรือวิดีโอในลักษณะหน้าตาอย่างไรที่เข้าข่ายข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นข้อมูลที่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้ ต้องขอความยินยอมจากบุคคลที่อยู่ในภาพ และถึงแม้จะขออนุญาตถ่ายแล้ว (ซึ่งเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขั้นต้น) การประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นเพิ่มเติม เช่น การนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือการนำไปตัดต่อดัดแปลง ก็ควร/จำเป็น ที่จะต้องขอความยินยอมให้ครอบคลุมหรือขอความยินยอมเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งด้วย

ภาคส่วนของประเทศในสหภาพยุโรปที่มองเห็นประเด็นการประมวลผลข้อมูล ภาพถ่ายและวิดีโอบุคคล เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ ก็คือ มหาวิทยาลัย/วิทยาลัย ต่าง ๆ เนื่องจากสถานศึกษามักมีการเก็บภาพและวิดีโอของนักเรียนเพื่อเอาไว้โฆษณาประชาสัมพันธ์อยู่เสมอ จนแทบจะทุกที่มีการทำนโยบายในด้านคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกมาอย่างละเอียดยิบ และมักมีการขอความยินยอมเอาไว้ว่าจะมีการถ่ายภาพ/วิดีโอในบริเวณแคมปัสตั้งแต่แรกเริ่มลงทะเบียนเพื่อเข้าเรียนเสียด้วยซ้ำ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและสร้างความเข้าใจกันของทั้งฝ่ายผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล


หลักสูตร ICDL Personal Data Protection Certificate (PDPC) เรียนรู้เพิ่มเติม วิเคราะห์เป็น ข้อมูลอะไรเข้าข่ายเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอีกบ้าง 

คลิ๊กสอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ Facebook: PDPA ICDL Thailand

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีข่าวการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการกระทำของแฮกเกอร์ที่เข้ามาเจาะระบบ ทั้งจากการป้องกันการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลที่หละหลวม PDPA Thailand และวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 นับจากวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่กฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ PDPA Thailand จึงรวบรวมเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึง พ.ศ.2566 มาให้ดูกัน     เมษายน 2561 ข้อมูลลูกค้า True Move H หลุดรั่ว ฐานข้อมูลลูกค้า Truemove H ที่สมัครซื้อซิมพร้อมมือถือผ่าน iTruemart หลุดรั่วจำนวน 64,000 ราย ที่มา https://www.beartai.com/news/it-thai-news/233905   กันยายน 2563 โรงพยาบาลสระบุรี ถูกแรนซัมแวร์โจมตี “โรงพยาบาลสระบุรี” ถูกไวรัสแรนซัมแวร์ แฮกฐานข้อมูลระบบบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลประวัติเก่าหรือให้บริการออนไลน์ได้ ที่มา https://www.sanook.com/news/8248818/   กุมภาพันธ์ 2564 ที่ว่าการอำเภอถลาง ใช้กระดาษรียูส ด้านหลังเป็นใบสำเนามรณบัตร สาวจดทะเบียนสมรส ได้ใบเสร็จพ่วงมรณบัตร สาเหตุจากการใช้กระดาษรียูสในการออกใบเสร็จ แต่เคสนี้เจ้าหน้าที่เผลอนำใบสำเนามรณบัตรมาใช้ ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/south/2543643   สิงหาคม 2564 Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี สายการบิน Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี คนร้ายลอบขโมยข้อมูลลูกค้าออกไปได้กว่า 100GB ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล, เพศ, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่ และอีเมล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เช่น
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวไกลไปมากทำให้การดำเนินการต่าง ๆเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น ตั้งแต่การเดินทางรวมถึงกระบวนการทำงานต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในองค์กรที่มีการนำวิทยาการนำมาใช้ ได้แก่ สถานพยาบาลนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนั้นมีนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความสะดวกสบาย เช่น ใช้หุ่นยนต์ในการส่งแฟ้มเอกสารระหว่างแผนก หรือการใช้ระบบต่างเพื่อรวบรวมข้อมูลคนไข้ไว้ที่เดียวกันเพื่อสะดวกต่อการค้นหา ซึ่งกระบวนการหนึ่งที่มีการใช้งานได้แก่ การส่งต่อรูปถ่าย ซึ่งปัจจุบันนั้นวัตถุประสงค์หลัก ๆในการส่งรูปถ่ายจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการรักษาหรือติดตามอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ มันมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้เป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีการใข้ข้อมูลภาพถ่ายจะต้องใช้อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องตามหลักของ PDPA ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ถือว่าเป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ จากที่เราทราบกับข้อมูลอ่อนไหว ได้แก่ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายคนไข้นั้นถือได้ว่าเป็นข้อมูลสุขภาพ ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการคุ้มครองและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561 ที่นี้เมื่อทราบว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว จึงจำเป็นต้องมีแนวหรือหลักการเพื่อให้การใช้ข้อมูลรูปถ่ายเป็นไปตามหลักของ PDPA หากจำเป็นต้องใช้ ต้องทำอย่างไร โดยหลักการของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ข้อมูลตราบเท่าที่จำเป็น เช่นกัน การใช้ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ก็ควรจะต้องมีการใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเช่นกัน โดยเมื่อจำเป็นต้องมีการเก็บมูล จำเป็นต้องมีการขอความยินยอมก่อน รวมถึงมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลภาพถ่ายคนไข้ ซึ่งการแจ้งประกาศนั้นอาจจะมีเป็นการแจ้งเป็นประกาศความเป็นส่วนตัวของ คนไข้หรือลูกค้าตามแต่กรณี ต่อมาในการใช้งานหรือประมวลผลควรใช้เท่าที่จำเป็นซึ่งได้แก่ใช้เพื่อรักษาหรือติดตามอาการเท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อเหตุอื่น ถามว่าการเอารูปถ่ายคนไข้ให้หมอท่านอื่นดูได้หรือไม่ เพราะบางครั้งหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้นอาจจำเป็นต้องมีการนำภาพคนไข้ เพื่อปรึกษากับหมอท่านอื่น ตัวอย่างเช่น กรณีคนไข้มารักษาสิว เมื่อทำการรักษาแล้วหากพบว่าบริเวณที่รักษามีปัญหาขึ้นมา กรณีเช่นนี้หากเป็นไปเพื่อการรักษาและติดตามอาการก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงความจำเป็นดังกล่าว โดยอาจจะสื่อสารผ่านตัวประกาศความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วนั้นหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้ต้องมีความระมัดระวังในการเผยแพร่รูปถ่ายคนไข้ด้วย แม้จะมีการแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือคนไข้แล้วก็ตาม โดยหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้น ควรมีความระมัดระวังในการที่จะไม่เผยแพร่ภาพถ่ายคนไข้ดังกล่าวไปสู่หมอ รวมถึงบุคลกรทางการแพทย์ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนไข้ให้รับทราบ นอกจากนี้ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันนั้นวิทยาการด้านการสื่อสารสามารถส่งต่อข้อมูลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางอีเมล Messenger เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อมีการส่งข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ไป จำต้องมีคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ตัวอย่าง ไม่ควรส่งรูปถ่ายคนไข้ผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะ เช่น Line เป็นต้น หรือหากจำเป็นต้องมีการส่งจริง ๆก็ควรมีมาตรการในการป้องกันการเข้าถึงด้วยตัวอย่างเช่น อาจจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัส โดยส่งรหัสดังกล่าวไปให้ปลายทางรับทราบพียบท่านเดียวเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าวถึงมือผู้รับจริง และมีเพียงแต่ผุ้รับรหัสเท่านั้นที่จะสามารถเปิดดูข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ได้ โดยภาพรวมนั้นสถานพยาบาลมีกิจกรรมหลาย ๆกิจกรรมที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มี่ความอ่อนไหว เช่น กิจกรรมการนำภาพถ่ายคนไข้มาใช้เพื่อติดตามผลการรักษาคนไข้ ทั้งนี้สามรถทำได้แต่จำเป็นต้องมีแนวทางหรือกระบวนการบางอย่างมาเป็นมาตรฐานในการส่งต่อข้อมูล นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง Hotel reservation ไม่เกี่ยวกับ PDPA จริงหรือ ? ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการจองที่พักในหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ เอเย่น walk-in ในวันนี้เราจะมากล่าวถึงกระบวนการที่ต่อเนื่องกันคือ กระบวนการการรับส่งจากสนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ไปยังโรงแรม ในบางกรณีผู้เข้าพักบางท่านอาจมีความต้องการใช้บริการรถรับส่งเพื่อให้รับจากสนามบินมายังโรงแรมเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก รูปแบบการรับส่งที่สนามบินโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Inhouse limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง Outsource limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม ในกรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง (Inhouse limousine)  โดยทั่วไปข้อมูลของผู้เข้าพักจะถูกโรงแรมเก็บมาแล้วจากขั้นตอนการจองห้องพัก แต่อาจมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นการยืนยันตัวผู้เข้าพักอีกครั้ง การนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการนี้ โรงแรมต้องมีการระบุวัตถุประสงค์นี้เข้าไปในประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก (Privacy notice) และแจ้งให้ผู้เข้าพักทราบในขั้นตอนการรับจองห้องพัก หรือจะแจ้งอีกครั้งเพื่อเป็นการแจ้งย้ำให้ผู้เข้าพักทราบก็ย่อมทำได้ นอกจากนี้ การที่โรงแรมนำข้อมูลมาใช้ประมวลผลในกระบวนการนี้สามารถใช้ฐานสัญญา ตามมาตรา 24(3) ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนการเข้าทำสัญญาใช้บริการ ในกรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม หรือ Outsource limousine ทางโรงแรมอาจจะมีการส่งรายชื่อของผู้ที่จะเข้าพักให้กับบริษัท Outsource limousine ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูล ชื่อ นามสกุล รายละเอียดการเดินทางและการเข้าพัก เป็นต้น การที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทภายนอกให้ดำเนินการด้านการรับส่ง บริษัทรับส่งนั้นทำตามภายในนามหรือภายใต้คำสั่งโรงแรมนั้น บริษัท Outsource limousine จึงมีสถานะเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ซึ่งตามมาตรา 40 วรรค 2 กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ต้องจัดให้มีข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อควบคุมการดำเนินการตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ระหว่าง โรงแรมกับบริษัท Outsource limousine  ควรมีการทำข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement : DPA)  ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ประมวลผล ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดมาตรฐานในการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลและขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยรายละเอียดของข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล
thThai

ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบ