PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือกฎหมายที่เรารู้จักกันดีในนาม PDPA (Personal Data Protection Act) มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ภายหลังจากที่ได้รับการยกเว้นบังคับใช้ เนื่องมาจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้การเตรียมพร้อมคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานหลาย ๆ ภาคส่วนในสังคมยังดำเนินการไม่เรียบร้อย โดยสถานศึกษา (ของคุณ) ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

คุณเข้าข่ายเป็น “สถานศึกษา” หรือไม่?

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ให้นิยามของ “สถานศึกษา” ว่าหมายถึง หน่วยงานของรัฐหรือของเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนระดับอนุบาล ประถม มัธยม วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่บรรดาสถาบันกวดวิชา สถาบันสอนอาชีพ สถาบันสอนทักษะเฉพาะทาง หรือสถานทำการในทำนองเดียวกัน ก็เข้าข่ายเป็นสถานศึกษาด้วยเช่นกัน

โดยหากลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จะพบว่าสถานศึกษาแต่ละแห่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลไหลเวียนอยู่ไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง บุคลากรภายใน ตลอดจนคู่ค้า (Partner) ของโรงเรียนในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประวัติส่วนตัวของนักเรียนและบุคลากร เลขทะเบียนประจำตัวนักเรียน ผลการสอบ บันทึกผลการเรียน ข้อมูลสุขภาพของนักเรียนและบุคลากร (เพื่อผลประโยชน์ด้านสวัสดิการ/บริการสุขภาพ) รายละเอียดติดต่อของผู้ปกครอง รายละเอียดติดต่อของ Outsource/Supplier เป็นต้น

 

มัดรวม 7 มิติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ฉบับสถานศึกษา)

หากคุณเป็นผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นดำเนินการอย่างไรเพื่อจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ PDPA Thailand ขอแนะนำ “7 มิติของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตาม PDPA ที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องทราบ” เพื่อเป็น Guideline ให้คุณสามารถมองเห็นทิศทางและขั้นตอนในการดำเนินงานเบื้องต้นที่จำเป็น

มิติที่ 1: ผู้รับผิดชอบด้านการคุ้มครองข้อมูล
  • ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ควรเป็นผู้บริหารระดับสูงหรือผู้ที่มีอำนาจในการสั่งการ
  • อาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลช่วนดำเนินงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • ดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กร
  • พิจารณาและอนุมัติการสื่อสาร Official ในนามองค์กรทุกครั้ง
  • จำกัด Access ของผู้ที่สามารถใช้ช่องทางการสื่อสารทางการ เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • หากเกิดเหตุละเมิด แจ้งเจ้าของข้อมูลอย่างรวดเร็วที่สุด และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการฯ ภายใน 72 ชั่วโมงเมื่อทราบเหตุ

มิติที่ 2: การสื่อสารถึงนักเรียนและผู้ปกครอง

  • ควรแจ้งเจ้าของข้อมูลว่าจะมีการสื่อสาร + วัตถุประสงค์
  • การสื่อสารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท การบริการ (ประโยชน์อันชอบธรรม) และ การตลาด (ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล)
  • นักเรียนอายุต่ำกว่า 10 ปี ให้ขอความยินยอมจากผู้ปกครอง 
  • นักเรียนอายุ 11-19 ปี ให้ขอความยินยอมจากทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
  • และความยินยอมสำหรับการสื่อสารด้านการตลาด ต้องมีช่องทางให้เจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมได้

มิติที่ 3: การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม

  • ออกแบบฟอร์มลงทะเบียน เก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
  • วางระบบการเก็บรวบรวมแบบฟอร์ม และเก็บข้อมูลเข้าส่วนเก็บรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัยโดยรวดเร็วที่สุด
  • บอกวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล ณ จุดลงทะเบียน หรือหน้าเว็บลงทะเบียน

มิติที่ 4: การจัดการมาตรการด้าน Data Securities

  • จัดทำนโยบาย เพื่อประโยชน์ด้าน คนในรับทราบ เข้าใจ ทำตาม + คนนอกมองเห็นความตั้งใจและเชื่อมั่น
  • วาง Protocol/มาตรการเก็บข้อมูลเข้าสู่ส่วนกลางหลังการใช้งาน
  • อบรมผู้เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ
  • คุ้มครองข้อมูลด้วยการใส่ Password / ล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์ / ล็อกตู้เก็บเอกสาร / ไม่ปล่อยเอกสารไว้ตามยถากรรม
  • ติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณเก็บเอกสารกลางของสถานศึกษา
  • และมาตรการคุ้มครองข้อมูลอื่น ๆ ตามสมควร เช่น การจัดจ้าง Outsource ดูแล Server ของสถานศึกษา เป็นต้น

มิติที่ 5: การเก็บรักษาข้อมูลและการทำลาย (Data Retention)

  • องค์กรไม่ควรเก็บรักษาข้อมูลไว้นานเกินความจำเป็น
  • จัดทำ Data Map หรือ Record of Processing Activities และจำแนกเหตุผลของการเก็บรักษาข้อมูลแต่ละประเภท ซึ่งมีระยะการเก็บตามข้อบังคับกฎหมาย/ระเบียบที่แตกต่างกัน ดำเนินการจัดทำเป็น —> ตารางเวลาเก็บรักษาและทำลายข้อมูล
  • ระยะเวลาการเก็บข้อมูลปรับใช้กับทั้งข้อมูลรูปแบบเอกสารกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์
  • ข้อมูลรูปแบบกระดาษควรถูกทำลาย (ไม่ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้) และนำไปทิ้งตามสมควร
  • ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หลังจากลบออกแล้ว ควรล้าง Device ที่เคยใช้เก็บข้อมูลด้วย

มิติที่ 6: ความเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ Third-Party

  • สถานศึกษาต้องสำรวจดูว่ามีการจ้างวาน Third-Party ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้หรือเปล่า
  • แนะนำให้ประเมิน Third-Party ว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลที่เทียบเท่าหรือมากกว่าขององค์กร ก่อนการจ้างวาน
  • สถานศึกษาเป็น “ผู้ควบคุมข้อมูล” ส่วนผู้ให้บริการ Third-Party ถือว่าเป็น “ผู้ประมวลผลข้อมูล”
  • ต้องทำสัญญาข้อตกลงการประมวลผลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อน Outsource ของคุณจะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของสถานศึกษา เพื่อกำหนดระเบียบ/ความรับผิดหากเกิดการละเมิด
  • หลังหมดสัญญา Third-Party ต้องลบทำลาย ไม่เก็บข้อมูลของสถานศึกษาเอาไว้ใช้งานต่อ* (ควรระบุไว้ในสัญญาข้อตกลง)

มิติที่ 7: ด้านภาพถ่ายและวิดีโอ

  • ภาพถ่าย/วิดีโอสามารถระบุ Identity ของบุคคลได้ = ข้อมูลส่วนบุคคล
  • สถานศึกษาควรแจ้งเตือนบุคคลตามสถานที่ ใบสมัครเข้าร่วม บัตรเข้างาน Event ว่าจะมีการเก็บภาพ/วิดีโอ
  • หากต้องการใช้ภาพ/วิดีโอเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ภายหลัง ต้องขอความยินยอมจากผู้ถูกถ่ายก่อน โดยอาจขอความยินยอมล่วงหน้าในส่วนของจุดลงทะเบียน ใบสมัคร หน้าเว็บลงทะเบียน ฯลฯ
  • กรณี CCTV เป็นการรักษาความปลอดภัย สามารถอ้างได้ตามฐานทางกฎหมาย “ประโยชน์อันชอบธรรม” (Legitimate Interest) เพียงแต่ต้องแจ้งให้ผู้ถูกถ่ายทราบ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจแนวทางการดำเนินงาน (เพิ่มเติม) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสถานศึกษา โปรดติดตามอ่าน Personal Data Protection Guideline คู่มือเตรียมความพร้อมสำหรับ PDPA (ฉบับสถานศึกษา) ลงทะเบียนเพื่อโหลด PDF e-Book ฉบับเต็มได้ฟรี!

"Download PDPA"
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม