PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand
นับตั้งแต่มีการออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแพร่หลาย ซึ่งกฎหมายที่รู้จักโดยทั่วกันคือ GDPR (General Data Protection Regulation) ซึ่งบังคับใช้สำหรับประเทศในยุโรป ที่ออกมาควบคุมและดูแลกำกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรหรือหน่วยงานให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อให้มี “ตัวแทน” สำหรับองค์กร ที่เข้ามาดูแลเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือรู้จักกันในนาม เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO: Data Protection Officer)
ณ ตอนนี้ได้มีกฎหมายบังคับใช้ หากองค์กรหรือบริษัทเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด จำเป็นต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับการคุ้มครองหรือสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ กฎหมาย GDPR หรือแม้แต่กฎหมาย PDPA ที่มีการบังคับใช้ในประเทศไทย
เพื่อให้องค์กรหรือหน่วยงานสามารถมั่นใจได้ว่า DPO มีการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า คู่ค้า หรือบุคลากรในองค์กร ฯลฯ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ DPO ควรจัดทำรายงานประเมิน เพื่อทบทวนกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำในทุกปี ซึ่งจะช่วยให้ DPO และองค์กรได้มองเห็นถึงภาพรวมของผลลัพธ์ในปฏิบัติหน้าที่ DPO

 

รายงานประเมินประจำปีของ DPO คืออะไร ?
รายงานประจำปีในฐานะ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เป็นรายงานที่จะช่วยให้ DPO สามารถรายงานการทำงานของตัวเองให้กับองค์กรได้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงผลการปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือคณะทำงานในรอบปีที่ผ่านมา 
ทั้งในเรื่องของการประเมินความเสี่ยง การบริหารจัดการความเสี่ยง การรับแจ้งเหตุละเมิด การรับแจ้งการขอใช้สิทธิ การตรวจสอบและให้คำแนะนำ รวมไปถึงการปรับปรุงโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
 
แล้ว DPO ควรจัดทำรายงานฉบับนี้ตอนไหน ?
ตามหลักของข้อกฎหมายส่วนนี้ไม่ได้มีบอกว่าต้องทำทุก ๆ ปลายปี หรือทุก ๆ รอบปิดงบประมาณประจำปี ซึ่งหากจะให้แนะนำ สามารถจัดทำรายงานประจำปีของ DPO ให้เสร็จสิ้นในช่วงปลายปีปัจจุบัน หรือสามารถข้ามไปช่วงต้นปีถัดไปได้เช่นกัน
ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้บันทึกรายงานอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะทำเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือจะเป็นรายเดือน เพื่อให้ในตอนที่ต้องทำเป็นรายงานประจำปีสะดวกและมีเนื้อหาครบถ้วนมากที่สุด
 
รายงานฉบับนี้ใครบ้างที่ควรรู้ ?
การรายงานผลประจำปีของ DPO สามารถนำเสนอต่อผู้บริหารได้หลายส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO), รองผู้อำนวยการ, ผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (CISO), ผู้บริหารธุรกิจ, ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ฯลฯ

 

สำหรับการเขียนรายงานประจำปี DPO ที่ดี สามารถประกอบไปด้วย 
ข้อมูลทางสถิติ: จำนวนข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล, จำนวนของ DPIA ที่ดำเนินการตลอดทั้งปี, จำนวนการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับองค์กร: Privacy Policy, Privacy Notice, สัญญาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
ซึ่งสำหรับการเขียนรายงานฉบับนี้สามารถสามารถเรียงลำดับการนำเสนอได้ไม่ว่าจะเป็น จากช่วงเวลา จากแนวทาง จากลำดับความสำคัญหรือลำดับของความเสี่ยง 
PDPA Thailand ขอแนะนำ! 10 สิ่งที่ต้องทำสู่การบรรลุเป้าหมายการทำรายงานประจำปีของ DPO 
  1. ทบทวนบริบทขององค์กร
DPO ต้องมีการทบทวนบริบทองค์กร หรือประเภทของธุรกิจที่ทำอยู่ว่าเข้าข่ายต้องแต่งตั้ง DPO ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนแล้วหรือยัง ?
หากจำเป็นต้องแต่งตั้งแล้ว สิ่งที่ต้องทำเมื่อเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้างแล้วเจ้าหน้าที่ DPO ปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วหรือไม่ หรือแต่งตั้งไว้เพียงเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมาย ต้องไม่ลืมว่า DPO ไม่เพียงแต่เป็นผู้ตรวจสอบกิจกรรมขององค์กรให้สอดคล้องกับกฎหมาย เพราะ DPO จะต้องเป็นกำลังหลักในการสร้างการตระหนักรู้ของบุคลากรในองค์กรด้วย
 
  1. การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง DPO และหน่วยงานอื่น ๆ
มีการบันทึกรายงานในส่วนของการติดต่อทั้งภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับบุคลากรส่วนปฏิบัติการขององค์กร ที่รับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
หรือจะการติดต่อภายนอกองค์กร โดยเฉพาะกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศนั้น ๆ เช่นเดียวกับการติดต่อกับ DPO ขององค์กรอื่น สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และข่าวสารซึ่งกันและกัน รายงานในส่วนนี้ จะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือในฐานะของ DPO ได้อีกด้วย
 
  1. แผนปฏิบัติการ
ส่วนของแผนปฏิบัติการเป็นขั้นตอนที่สำคัญต่อ DPO เป็นอย่างมาก แผนปฏิบัติการที่ดี จะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่ดีด้วย ซึ่งแผนปฏิบัติการอาจประกอบไปด้วย การแบ่งโครงสร้างของแผนปฏิบัติการตามหัวข้อที่วางไว้, กำหนด Timeline ของแต่ละงานให้เหมาะสม, มีการกำหนดวัตถุประสงค์การทำงาน เป็นต้น สำหรับในขั้นตอนนี้จะช่วยสรุปการทำงานในรอบปีที่ผ่านมาและทำให้การวางแผนปฏิบัติในรอบปีถัดไปสะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้แผนการปฏิบัติการจะช่วยให้ DPO สามารถตรวจสอบได้ว่า เราบรรลุวัตถุประสงค์การทำงานในฐานะ DPO หรือไม่ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นสิ่งนี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบและทบทวนถึงสาเหตุที่ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การทำงานได้อีกด้วย
 
  1. การประเมินผลกระทบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
การรายงานผลในขั้นตอนนี้ จะช่วยให้ DPO สามารถบอกได้ถึงจำนวนของ DPIA ที่สำเร็จในรอบปีที่ผ่านมา และเป็นจุดชี้แจงที่บอกว่า ณ ตอนนี้ เราเรียงลำดับความสำคัญของ DPIA กับงานอื่นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้เวลาไปเท่าไหร่ในการทำ DPIA , มีการทำ Workshop บ้างแล้วหรือไม่ ซึ่งรายงานในส่วนนี้จะเป็นส่วนช่วยให้เห็นถึงภาพรวมเรื่องของให้ความสำคัญและมีการลงทุนในงานอย่างไรบ้าง

 

  1. การฝึกอบรมพนักงานและการสร้างการตระหนักรู้ 
มีการจัดฝึกอบรมและส่งเสริมการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ซึ่ง DPO จะต้องมีการลงบันทึกรายงานประจำปีไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ พนักงานได้รับการฝึกอบรมอย่างไรบ้าง, มีการจัดอบรมอย่างไรบ้างสำหรับพนักงานใหม่, ในการฝึกอบรมเรื่องต่าง ๆ มีการใช้บริการวิทยากรภายนอกหรือไม่ และสิ่งที่พนักงานได้รับจากกิจกรรมฝึกอบรมและการสร้างการตระหนักรู้มีอะไรบ้าง
นอกจากนี้ DPO จะต้องเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนให้พนักงานในองค์กรทุกคนมีความเข้าใจ และให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติงานของพนักงาน รวมไปถึงการดำเนินกิจกรรมขององค์กรเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
 
  1. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หน้าที่ของ DPO สำหรับการทำรายงานประจำปีต้องไม่ลืมที่จะบันทึก “การขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย” ว่าองค์กรได้รับการขอใช้สิทธิในเรื่องต่าง ๆ ในรอบปีที่ผ่านมากี่ครั้ง ซึ่งควรมีการติดตามสถานะการร้องขออยู่เสมอ ทั้งในเรื่องของ สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ เพื่อเป็นการจัดการมาตรรองรับการใช้สิทธิในด้านต่าง ๆ ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
 
  1. ความปลอดภัยและการป้องกันข้อมูลรั่วไหล 
สิ่งสำคัญที่องค์กรควรให้ความสำคัญในเรื่องของ “ความปลอดภัยของข้อมูล” ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรได้มีการเก็บรวบรวม ต้องอยู่ในความปลอดภัยสูงสุด ทั้งในขั้นตอนของ การประมวลผลข้อมูล, การโอนข้อมูล ฯลฯ
ซึ่งมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนแรก องค์กรสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงช่วยจัดการในเรื่องของการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล และมาตรการในส่วนที่สอง มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาในส่วนของ “บุคลากร” สำหรับการป้องกัน Human Error ที่จะนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือแม้แต่จะการปฏิบัติหน้าที่ที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้
 
  1. การออกแบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในส่วนนี้แนะนำให้มีการเขียนรายงานถึงการออกแบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในรายงานไม่ว่าจะเป็น การออกแบบระบบ บริการ และกระบวนการต่าง ๆ ตลอดถึงการกำหนดวงจรชีวิตของข้อมูล เป็นการวางแผนมาตรการทางเทคนิคและการจัดการองค์กร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการวางระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมไปถึงช่วยวางแผนการปรับปรุงระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในปีอนาคตได้อีกด้วย
 
  1. สัญญาการว่าจ้างบุคลากรภายนอกสำหรับการประมวลผลข้อมูล 
การบันทึกรายการจ้างบุคลากรภายนอกสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งในเรื่องของ อุปสรรคที่เจอในการประมวลผลข้อมูล จำนวนผู้รับจ้างในรอบปีที่ผ่านมา สถานะของสัญญาจ้าง ณ ปัจจุบัน ปัญหาที่พบด้านความปลอดภัยในช่วงที่มีการว่าจ้างกัน รวมไปถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ได้ทำกับผู้ว่าจ้างแต่ละราย เพื่อให้การวางแผนการทำงานร่วมกันขององค์กรกับบุคลากรภายนอกสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
 
  1. การทำสัญญา (Contract)
ไม่ลืมที่จะเขียนบันทึกรายงาน การทำสัญญาต่าง ๆ ในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทราบถึงสถานะของข้อสัญญานั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสัญญาที่มีอยู่ การปรับปรุงหรือแก้ไขสัญญาตามความเหมาะสม รวมไปถึงเอกสารที่มีการเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถวางแผนบริหารจัดการทำสัญญาได้สะดวกและครบถ้วน
 
สรุปแล้ว
การทำรายงานประจำปีในฐานะ DPO เป็นหนึ่งในกระบวนการรับรองและช่วยพิสูจน์ให้เห็นถึงการความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามข้อกฎหนด ซึ่งไม่เพียงแต่การรับประกันการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งกับบุคลากรภายใน ภายนอกองค์กร รวมไปถึงลูกค้า ฯลฯ สำหรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม