PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

หลังจากที่มีการร่างกฎหมายมาเป็นระยะเวลายาวนาน ในที่สุด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ก็มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ซึ่งพรบ.ฉบับนี้มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับกฎหมาย General Data Protection Regulation หรือ GDPR ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการทางกฎหมายและการแจ้งเตือน ไปจนถึงนิยามของข้อมูลและบทบาทของ Data Protection Officer ไปจนถึงประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย

หากจะพูดง่ายๆ ก็คือ กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุม และดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวล โดยมีคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้กำกับ โดยเฉพาะภายหลัง PDPA หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถูกบังคับใช้กับสถาบันการศึกษา  

PDPAThailand พบว่ามีองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกถูกปรับจากความผิดด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมากมาย (ทั้งจาก GDPR และ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่บังคับใช้แต่ละประเทศ) จึงรวบรวม case study ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนครับ

ประเภทของกรณีศึกษา :  ประมวลผลเกินความจำเป็น

หน่วยงานกำกับด้านการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลอิตาลี (Italian Data Protection Authority) ได้สั่งปรับผู้บริหารโรงเรียน ‘Isabella Gonzaga’ เป็นจำนวนเงิน 2,500 ยูโร (หรือประมาณ 91,005 บาท)  เนื่องจากโรงเรียนได้มีการเผยแพร่เอกสารซึ่งมีข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลของครูบางคนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับอาจารย์ผู้สอน ในระหว่างการสอบสวนหน่วยงานกำกับดูแล พบว่าโรงเรียนได้เผยแพร่ข้อมูลสุภาพ ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหวโดยไม่มีฐานทางกฎหมายที่ถูกต้อง ซึ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับสถานะสุขภาพดังกล่าว 

ประเภทของกรณีศึกษา :  มาตรการทางเทคนิคและองค์กรไม่เพียงพอต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโปแลนด์ (UODO) ได้มีการสั่งปรับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีวอร์ซอ 10,000 ยูโร (หรือประมาณ 364,000 บาท) มหาวิทยาลัยได้รายงานการละเมิดข้อมูลต่อหน่วยงานตามมาตรา 33 ของกฎหมาย GDPR เนื่องจากหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยได้ใช้แอปพลิเคชันที่สร้างโดยเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการลงทะเบียนหลักสูตรและสามารถเข้าถึงประวัติการสอน การประเมินผลการสอบ และการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 

ส่งผลให้ในต้นเดือนมกราคม พ.ศ.2563 มีบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ทำการดาวน์โหลดฐานข้อมูลจากแอปพลิเคชันที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของนักศึกษา และอาจารย์ มากกว่า 5,000 คน 

ในการสืบสวนหน่วยงานกำกับดูแลพบว่า มหาวิทยาลัยไม่มีมาตรการทางเทคนิคและองค์กรที่เหมาะสม ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและยังพบว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยง

ประเภทของกรณีศึกษา : ประมวลผลเกินความจำเป็น 

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโปแลนด์ ได้ปรับโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองสเกลเลฟติออ ประเทศสวีเดน เป็นจำนวนเงิน 18,630 ยูโร (หรือประมาณ 680,441.82 บาท) โดยโรงเรียนดังกล่าว ได้ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (facial recognition technology) ซึ่งเป็นข้อมูลชีวภาพตามมาตรา 9 GDPR เพื่อติดตามการเข้าชั้นเรียนของนักเรียน ซึ่งการประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดตามการเข้าร่วมนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า    

และหน่วยคุ้มครองข้อมูลของสวีเดนสรุปว่า โครงการนี้ขัดต่อข้อบังคับของมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (General Data Protection Regulation หรือ GDPR) จึงต้องปรับเจ้าหน้าที่เทศบาลผู้รับผิดชอบต่อข้อมูลที่เก็บได้ เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มครองข้อมูลยังกล่าวอีกว่า โรงเรียนล้มเหลวในการเตือนผู้ร่วมโครงการถึงผลกระทบ และโรงเรียนควรปรึกษากับหน่วยงานก่อน

ประเภทของกรณีศึกษา :  ประมวลผลเกินความจำเป็น

โรงเรียนในประเทศโปแลนด์ถูกทางการสั่งปรับเป็นเงิน 20,000 zloty (หรือราว 166,000 บาท) ตามกฏหมาย GDPR หลังจากทางโรงเรียนจัดตั้งโครงการที่นำข้อมูลลายนิ้วมือของนักเรียนมาใช้เพื่อการรับสิทธิทานอาหารกลางวัน โดยไม่มีมาตรฐานตามกฏหมาย โดยถ้านักเรียนคนใดปฏิเสธที่จะใช้ไบโอเมตริก หรือปฏิเสธการให้ข้อมูลลายนิ้วมือ จะต้องไปต่อท้ายแถวและต้องรอให้เด็กที่ให้ความร่วมมือในการใช้ไบโอเมตริกเข้าโรงอาหารหรือ ซื้ออาหารจนเสร็จก่อน เด็กที่ไม่เข้าร่วมจึงจะเข้ารับอาหารได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากฏเหล่านี้สร้างการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ถึงแม้โครงการนี้มีการขอความยินยอมจากผู้ปกครองแล้ว แต่ UODO ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในโปแลนด์ตัดสินว่า การใช้ข้อมูลอ่อนไหวประเภท Biometric อย่างลายนิ้วมือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้สิทธินักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันก่อนนั้นเป็นเหตุผลที่ไม่เหมาะสม เพราะข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้เราต้องระมัดระวังในการเก็บ ใช้ และเปิดเผยเป็นพิเศษ และไม่ควรถูกนำไปประมวลผลหากไม่มีความจำเป็น

สถาบันการศึกษา ลองพิจารณาดูกันนะครับ ว่าคุณมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะแม้เคสข้างต้นจะเป็นของต่างประเทศ แต่อย่างที่รู้กัน GDPR คือต้นแบบของ PDPA ที่ใช้ในไทย และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันการศึกษามีการรวบรวม/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก ซึ่งควรมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจตกเป็นเป้าการโจมตีหรือเกิดอุบัติเหตุ และเสี่ยงได้รับโทษคล้ายเคสข้างต้นเช่นกัน 

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม