PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand
          ปัจจุบันคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ออก ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์ในการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ พ.ศ. 2567 ภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เพื่อให้องค์กรต่างๆ และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ DPO มีแนวทางการนำประกาศนี้ไปใช้ในทางปฎิบัติ บทความนี้เราจึงยกตัวอย่างเคสกรณีศึกษาการลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม และการทำข้อมูลแฝงของบริษัทให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจ การลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม การทำเป็นข้อมูลแฝง ว่าคืออะไร ควรใช้เมื่อไร และวิธีการทำอย่างไรคร่าว ๆ ดังนี้
1.การลบทำลายข้อมูล (Data Deletion and Destruction) คือการทำให้ข้อมูลสูญหายไปถาวร ไม่สามารถนำกลับมาได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งควรใช้ในกรณีต่อไปนี้
    1. ข้อมูลไม่จำเป็นต้องใช้งานอีกต่อไป (เช่น หมดอายุการใช้งานตามที่กฎหมายกำหนด)
    2. เจ้าของข้อมูลร้องขอให้ลบข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลทางกฎหมายหรือสัญญาที่จะเก็บข้อมูลนั้นต่อไป
    3. ข้อมูลไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดและไม่สามารถแก้ไขได้
    4. ครบกำหนดระยะเวลาจัดเก็บตามกฎหมาย
โดยมีวิธีการลบทำลายข้อมูล ได้แก่
    1. ลบข้อมูลออกจากระบบอย่างถาวร (Secure Deletion) เช่น การลบฐานข้อมูลดิจิทัล
    2. ทำลายข้อมูลทางกายภาพ เช่น การหั่นกระดาษ การใช้เครื่องทำลายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
2.การทำข้อมูลนิรนาม (Anonymization) คือทำให้ข้อมูลเก็บหรือนำไปใช้ได้แต่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีก และไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม ควรใช้ในกรณี
    1. บริษัทต้องการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์หรือทำวิจัย แต่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกต่อไป
    2. บริษัทต้องการลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อไม่มีเหตุผลในการระบุตัวบุคคลจากข้อมูล เช่น บริษัทต้องการเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลที่สาม หรือต้องการเก็บข้อมูลไว้ใช้ในระยะยาว
ซึ่งมีวิธีการทำให้เป็นข้อมูลนิรนามคร่าว ๆ คือ
    1. ลบข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลออกอย่างถาวร แต่ข้อมูลส่วนอื่นยังใช้ประโยชน์ได้
    2. ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงกลับไปหาเจ้าของข้อมูลได้
3.การทำข้อมูลแฝง (Pseudonymization) คือการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล กลายเป็นข้อมูลแฝงที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้ แต่สามารถแปลงหรือสืบค้นกลับได้ ควรใช้ในกรณีต่อไปนี้
    1. บริษัทยังมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลกับบุคคล เช่น การใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์หรือการดำเนินการบางอย่าง แต่ไม่ต้องการใช้ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลโดยตรง
    2. บริษัทต้องการลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังสามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาเป็นข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้ในกรณีที่จำเป็น เช่น การใช้หมายเลขหรือตัวระบุที่สามารถเชื่อมโยงกับบุคคลได้หากมีข้อมูลเพิ่มเติม
    3. บริษัทต้องการลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูล กรณีเป็นการใช้ในกระบวนการภายในบริษัทโดยบุคคลที่ไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อข้อมูลโดยตรง 
    4. บริษัทต้องการลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูล กรณีที่มีการโอนข้อมูลให้บุคคลที่สาม ซึ่งมีข้อตกลงในการเปิดเผยข้อมูล
การทำข้อมูลแฝงจะมีวิธีการคร่าวๆดังนี้
    1. ใช้การแทนที่ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตัวระบุเฉพาะหรือรหัส โดยสามารถกู้คืนข้อมูลเดิมได้หากจำเป็น
    2. เก็บข้อมูลแยกตามชั้นความลับไว้อย่างปลอดภัย
 
การเลือกใช้วิธีการ การลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม การทำเป็นข้อมูลแฝง  นั้น ควรคำนึงถึง
1.บริษัทควรพิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล และระดับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA อย่างเคร่งครัด
2.บริษัทต้องจัดทำนโยบายและขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน
3.ผู้ดำเนินการแต่ละวิธีต้องมีการบันทึกการดำเนินการทุกครั้ง
4.บริษัทและผู้ดำเนินการต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของวิธีที่เลือกใช้เป็นระยะ
 
สำหรับกรณีศึกษาที่จะใช้ทำความเข้าใจ เรื่อง การลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม การทำเป็นข้อมูลแฝง ในบทความนี้ จะขอยกตัวย่าง… 
การรับสมัครพนักงานของบริษัทและมีผู้ไม่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งบริษัทมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครเป็นพนักงานบริษัทที่ไม่ผ่านการคัดเลือกแบ่งเป็นข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ผ่านและไม่เก็บประวัติไว้ กับข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ผ่านแต่เก็บประวัติไว้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถนำแนวคิดการลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม การทำเป็นข้อมูลแฝง มาประยุกต์ใช้เพื่อให้คำแนะนำในเชิงปฏิบัติได้ดังนี้
1.ข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ผ่านและไม่เก็บประวัติไว้ เมื่อบริษัทไม่ต้องการเก็บข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือก การจัดการข้อมูลควรดำเนินการใน 2 วิธีดังนี้
1.1 การลบทำลายข้อมูล (Data Deletion and Destruction) เป็นการลบทำลายข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อการคัดเลือกทำงานอย่างถาวร เช่น
    1. ข้อมูลติดต่อ (อีเมล, เบอร์โทรศัพท์)
    2. สำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    3. ประวัติส่วนตัวที่ไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาอีกต่อไป
โดยแนวทางการดำเนินการดังนี้
    1. กำหนดระยะเวลาลบ เช่น 30 วันหลังจากการแจ้งผลการคัดเลือก
    2. จัดทำบันทึกการลบทำลายข้อมูลเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการ
1.2 การทำข้อมูลนิรนาม (Anonymization) หากบริษัทต้องการเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์หรือการวิจัย บริษัทสามารถทำข้อมูลนิรนามเพื่อใช้ในการวิจัยหรือวิเคราะห์ โดยที่ข้อมูลจะไม่สามารถระบุตัวตนได้อีก เช่น
    1. ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น ช่วงอายุ, วุฒิการศึกษา, ประสบการณ์ทำงาน, และเหตุผลที่ผู้สมัครไม่ผ่านการคัดเลือก
    2. ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลติดต่อ ควรถูกลบหรือแปลงให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีก
2.ข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ผ่านแต่เก็บประวัติไว้ เมื่อกรณีที่บริษัทต้องการเก็บข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกไว้เพื่อพิจารณาในอนาคตหรือเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม (โดยมีฐานทางกฎหมายหรือข้อยกเว้นให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้) บริษัทควรดำเนินการให้มี Data Security เพิ่มขึ้น ด้วยวิธีการดังนี้
2.1 การทำข้อมูลแฝง (Pseudonymization) หากบริษัทต้องการเก็บข้อมูลไว้ใช้ในการพิจารณาผู้สมัครในอนาคต หรือให้แผนกอื่น ๆ หรือส่งให้บริษัทในเครือ เพื่อพิจารณาเรียกสัมภาษณ์ในภายหลัง สามารถทำข้อมูลแฝงได้ โดยดำเนินการดังนี้
    1. แทนที่ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ (เช่น ชื่อหรือที่อยู่) ด้วยรหัสหรือหมายเลขเฉพาะที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรง
    2. ข้อมูลที่อาจเก็บไว้ เช่น ประวัติการสัมภาษณ์ คุณสมบัติพิเศษ และผลการประเมิน จะถูกแยกเก็บในที่ปลอดภัย และสามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวได้เมื่อจำเป็น
2.2 การประยุกต์ใช้วิธีการและมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลอื่น ๆ เช่น การเก็บรักษาชุดข้อมูลเท่าที่จำเป็น (Data Mininization) โดยลบข้อมูลบางส่วนออกให้เหลือเท่าที่จำเป็นต้องใช้ การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ผู้เข้าถึงข้อมูลจำเป็นต้องมีรหัสในการเข้าถึง และการกำหนดผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูล (Data Authorization) เฉพาะผู้เกี่ยวข้องจึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น เป็นต้น 
 
เงื่อนไขสำคัญในการจัดการข้อมูลของผู้ไม่ผ่านการสมัครตาม PDPA ของบริษัท
    1. บริษัทต้องแจ้งวัตถุประสงค์และระยะเวลาการเก็บ ต่อผู้สมัครอย่างชัดเจนก่อนเก็บข้อมูลหรือทำการประมวลผลใดๆ
    2. ผู้สมัครควรทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลและระยะเวลาที่ข้อมูลจะถูกเก็บรักษา
    3. บริษัทให้สิทธิถอนความยินยอมและลบข้อมูล ผู้สมัครมีสิทธิในการขอให้ลบข้อมูลของตนเมื่อข้อมูลนั้นไม่มีความจำเป็นแล้ว
    4. บริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม ข้อมูลควรถูกเก็บและประมวลผลภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    5. บริษัทมีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูล ข้อมูลควรเข้าถึงได้เฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
    6. บริษัทมีการทบทวนความจำเป็นในการเก็บข้อมูล บริษัทควรทบทวนการเก็บข้อมูลเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เก็บไว้นั้นยังจำเป็นต่อวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
 
การจัดการข้อมูล ด้วยการลบทำลายข้อมูล การทำข้อมูลนิรนาม การทำเป็นข้อมูลแฝง ตามกรณีศึกษานี้จะเกิดผลดังนี้
    1. รักษาประโยชน์ของบริษัท เพราะข้อมูลสามารถใช้ในการพิจารณาผู้สมัครในอนาคตหรือนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงกระบวนการสรรหาต่อไปได้
    2. บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเหมาะสม การทำข้อมูลนิรนามและการทำข้อมูลแฝงช่วยให้บริษัทยังสามารถใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์หรือการพิจารณาผู้สมัครในอนาคตได้โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    3. บริษัทสามารถปฏิบัติตาม PDPA เพราะเป็นการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามวิธีที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัคร 
 
——————————————————
 
กรณีศึกษานี้จะเน้นการจัดการข้อมูลของผู้สมัครสินเชื่อที่เป็นเพศทางเลือก (LGBTQ+) โดยผู้ควบคุมข้อมูลจากสถาบันการเงิน จะประมวลผลตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และจัดการข้อมูลใน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ การลบทำลายข้อมูล (Data Deletion and Destruction), การทำข้อมูลนิรนาม (Anonymization) และการทำข้อมูลแฝง (Pseudonymization) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูล
 
กรณีที่ 1: ผู้สมัครสินเชื่อที่ผ่านการสมัคร และต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหว (เช่น เพศสภาพ)
แนวทางการจัดการข้อมูล
  1. การทำข้อมูลนิรนาม (Anonymization):
  • ข้อมูลเกี่ยวกับเพศสามารถทำให้เป็นนิรนาม ซึ่งจะทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ โดยไม่ระบุเพศของผู้สมัครเลย
  • การทำให้เป็นข้อมูลนิรนามนี้เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่จำเป็นต้องทราบเพศเพื่อประมวลผล เช่น การรายงานเชิงสถิติ หรือการวิเคราะห์เชิงภาพรวม
  1. การทำข้อมูลแฝง (Pseudonymization):
ข้อมูลเพศสภาพอาจถูกแปลงเป็น Key Identifier หรือใช้ hash เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถใช้ข้อมูลนี้ในอนาคตในการประเมินสินค้าและบริการที่เหมาะสม (segmentation) โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้สมัคร
การทำข้อมูลแฝงยังสามารถใช้ในการทำ cross-sale หรือ upsale ให้กับผู้สมัครตามความต้องการที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของบริษัท
 
กรณีที่ 2: ผู้สมัครสินเชื่อที่ไม่ผ่านการสมัคร และไม่ต้องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหว
แนวทางการจัดการข้อมูล
  1. การลบทำลายข้อมูล (Data Deletion and Destruction):
ในกรณีที่ผู้สมัครไม่ผ่านการสมัครและไม่ต้องการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดจะต้องถูกลบออกและทำลายให้ไม่สามารถกู้คืนได้ หลังจาก 30 วัน นับจากวันที่ผลอนุมัติสินเชื่อมีผล
วิธีการลบทำลายอาจเป็นการลบแบบที่ไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับคืนได้ และ มีรายงานการลบทำลาย เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลอ่อนไหวไม่สามารถถูกเปิดเผยได้อีกในอนาคต
  1. การทำข้อมูลนิรนาม (Anonymization):
อีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้คือการทำข้อมูลนิรนาม เพื่อให้ข้อมูลที่เหลือไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ และข้อมูลอ่อนไหวเช่น เพศจะไม่ถูกเปิดเผยหรือใช้งานต่อไป
กรณีที่ 3: ผู้สมัครสินเชื่อที่ไม่ผ่านการสมัคร แต่ต้องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไห
แนวทางการจัดการข้อมูล
  1. การทำข้อมูลแฝง (Pseudonymization):
แม้ว่าผู้สมัครจะไม่ผ่านการสมัคร แต่หากต้องการเก็บข้อมูลเพศในรูปแบบแฝง เพื่อการประเมินสินค้าและบริการในอนาคต (เช่น segmentation) โดยมีฐานทางกฎหมายหรือข้อยกเว้นให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้ ข้อมูลนี้จะถูกแปลงเป็น Key Identifier หรือ hash ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ได้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลตัวตน

 

หลักสูตรฝึกอบรมการบริหารจัดการการลบหรือทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล
ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามกฎหมายลำดับรอง PDPA (Disposal Policy) >> คลิก <<

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม