PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

หลังที่สหภาพยุโรปได้มีการบังคับใช้กฎหมาย General Data Protection Regulation หรือ GDPR เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 กฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้องค์กรธุรกิจต่างมีการปรับตัว และที่ปรับตัวได้ไม่ทันหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะโดนบทลงโทษโดยการ ปรับเงิน ซึ่งตามระเบียบของ GDPR มีโทษปรับสูงสุด 20 ล้านยูโร หรืออาจจะคิดจากฐาน 4% ของรายได้ทั่วโลก และอาจจะต้องพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลร่วมด้วย

ขณะที่บริการจัดส่งอาหารออนไลน์ หรือ Food Delivery ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้ออาหารของผู้บริโภค และผู้ประกอบการต่างแข่งขันกันพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นธุรกิจกระแสแรงยุคนี้ แต่ในทางตรงกันข้าม Food Delivery ก็กำลังเผชิญปัญหาที่หนักหน่วงจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างหนักหน่วยเช่นกัน เนื่องจากมีสถานะเป็นผู้ควบคุมส่วนบุคคล ที่มีการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งลูกค้าและพนักงานส่งอาหารเป็นจำนวนมาก ทำให้การดำเนินการในหลายด้านจึง สุ่มเสี่ยง ละเมิดได้ง่าย

ดังกรณีของ 2 แพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้าน Food Delivery รายใหญ่ในประเทศอิตาลี คือ Deliveroo และ Foodinho ซึ่งถูก Garante หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี สั่งปรับเงิน 2.9 ล้านยูโร และ 2.6 ล้านยูโร (ตามลำดับ) จากกรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย GDPR ไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) และไม่จัดทำบันทึกรายการประมวลผลข้อมูล (RoPA)  รวมทั้งมีการใช้อัลกอริทึม (Algorithm) เพื่อประเมินพนักงานจัดส่ง และมีการเพิ่มหรือลดคำสั่งซื้ออาหารที่ได้รับมอบหมายจากการประเมินประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรมแก่พนักงานจัดส่งอาหาร

รวมถึงกรณีของ Takeaway.com ซึ่งเป็นเจ้าของ Delivery Hero SE แพลตฟอร์มส่งอาหารรายใหญ่ในกรุงเบอร์ลิน สหพันธรัฐเยอรมนี ที่ผ่านมาก็โดนลูกค้าฟ้องร้องกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหลายครั้ง รวมทั้งมีการปรับเงินและต้องชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้ถูกละเมิด

และอีกหลายกรณีทั่วโลกที่ชี้ให้เห็นว่า จุดบอด ของแพลตฟอร์มบริการส่งอาหารออนไลน์ หรือ Food Delivery ยังมีอีกหลายๆ ด้านที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาและดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะส่วนสำคัญคือ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและพนักงานจัดส่งอาหารจำนวนมากยังขาดการจัดการที่ปลอดภัย และไม่สอดคล้องกับข้อบังคับที่ GDPR กำหนดหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

Food Delivery และร้านอาหารออนไลน์ในไทยควรปฏิบัติอย่างไร ตามข้อบังคับใน PDPA

1 มิถุนายน 2565 กฎหมาย PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 บังคับใช้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการด้านแพลตฟอร์มให้บริการอาหารออนไลน์ หรือ Food Delivery รวมทั้งร้านอาหารที่มีบริการสั่ง-ส่งอาหารออนไลน์ จะต้องเข้าใจกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่นี้อย่างละเอียด

ทั้งต้องพิจารณาการดำเนินการตามข้อบังคับของ PDPA อย่างรอบด้าน คือทั้งฝั่งลูกค้าผู้ใช้บริการ และฝั่งพนักงานส่งอาหารด้วย โดยปัจจุบันผู้ประกอบการมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า Food Delivery จัดเก็บ

  • ชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิด เพื่อลงทะเบียน
  • เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล เพื่อยืนยันตัวตน
  • ที่อยู่เพื่อการจัดส่ง
  • ข้อมูลการชำระเงิน
  • บางรายมีการเชื่อมต่อกับบัญชีโซเชียลมีเดียด้วย

ข้อมูลส่วนบุคคลของไรเดอร์ ที่แพลตฟอร์ม Food Delivery จัดเก็บ

  • ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และข้อมูลส่วนตัว
  • เบอร์โทรศัพท์
  • ถ่ายถ่ายใบหน้า
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาใบขับที่จักรยานยนต์
  • บัญชีธนาคาร
  • เล่มทะเบียน พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์
  • บางแห่งมีการขอเอกสารการตรวจประวัติอาชญากรรม (ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว)

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและไรเดอร์ที่ร้านอาหารจัดเก็บ

  • ชื่อ นามสกุล
  • เบอร์โทรศัพท์ หรือ อีเมล
  • ถ่ายถ่ายใบหน้า
  • เลขทะเบียนรถจักรยานยนต์
  • ข้อมูลธุรกรรมการเงิน
  • ข้อมูลความคิดเห็น ข้อมูลประเมินการให้บริการ ประวัติการรีวิว

และจากข้อเท็จจริงที่ว่า ข้อมูลส่วนบุคคล ของทั้งลูกค้าผู้ใช้บริการ และไรเดอร์ผู้ให้บริการจัดส่งอาหาร ได้มีการนำมาเปิดเผยต่อบุคคลที่สามอย่างแพร่หลาย เช่น

  • แพลตฟอร์ม Food Delivery มีการเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแก่บุคคลที่สาม คือ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และไรเดอร์ผู้จัดส่งอาหาร โดยจำนวนครั้งในการเปิดเผยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนที่มีการสั่งอาหาร ซึ่งสมติว่า หากลูกค้ารายนั้นมีการสั่งอาหารออนไลน์ทุกวัน ภายใน 1 ปี ข้อมูลส่วนบุคคลอาจจะถูกเปิดเผยให้แก่คนเป็นจำนวนมากด้วย
  • แพลตฟอร์ม Food Delivery มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของไรเดอร์ ตลอดจนข้อมูลการประเมินประสิทธิภาพในการทำงาน (ส่งอาหาร) แก่ลูกค้าผู้ใช้บริการ และแก่ร้านอาหาร ซึ่งหากเปรียบเทียบแบบเดียวกับในข้างต้น ใน 1 ปี ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเปิดเผยไปให้แก่บุคคลที่สามเป็นจำนวนที่ยากจะคาดคะเนได้
  • มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลทั้งของลูกค้า และไรเดอร์มาประมวลผล หรือดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายและส่งเสริมการขายแก่ทีมการตลาดและฝ่ายขาย หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล

ทั้งจะเห็นว่า ที่ผ่านมา มีการนำ Big Data มาใช้ในหลายธุรกิจ ขณะที่ Big Data ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมาย PDPA คุ้มครอง ทำให้ผู้ให้บริการ Food Delivery ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล อาจต้องทบทวนและมีมาตรการในการจัดการข้อมูลจำนวนมากนั้นให้มีความปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อบังคับของกฎหมาย โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้ 

 

PDPA สำหรับ ร้านอาหารที่ให้บริการจัดส่งออนไลน์

โดยทั่วไป ร้านอาหารที่มีบริการจัดส่งอาหารออนไลน์ มีสถานะเป็น คู่สัญญา ของแพลตฟอร์ม Food Delivery (ยกเว้นกรณีทางร้านพัฒนาแพลตฟอร์มและพนักงานจัดส่งเอง) และมีการเก็บ ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่สั่งอาหารและไรเดอร์จัดส่งอาหาร เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ข้อมูลการชำระเงิน และประวัติการรีวิว ดังนั้นทางร้านอาหารควรพิจารณาด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการละเมิด ดังนี้

  1. ดำเนินการลบหรือทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บโดยไม่จำเป็น หรือทำให้ข้อมูลนั้นและข้อมูลแฝงด้วยวิธีการทางเทคนิค หรือทำข้อมูลให้เป็นนิรนาม แต่ยังไม่สูญเสียคุณค่าของข้อมูล
  2. ไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้จัดเก็บเองไปเปิดเผยต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล
  3. หากต้องการนำข้อมูลลูกค้าไปทำกิจกรรมด้านการขายหรือส่งเสริมการขายจะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และควรจัดทำแบบฟอร์มขอความยินยอมที่ระบุถึงวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนตามที่กฎหมายระบุ
  4. จัดเก็บข้อมูลไว้อย่างเหมาะสม และควรจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและไรเดอร์เฉพาะที่จำเป็นหรือมีหน้าที่เท่านั้น
  5. มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเหมาะสม โดยการปรับปรุงเครื่องมือหรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอยู่สม่ำเสมอ
  6. หากมีเว็บไซต์ที่จัดเก็บคุกกี้ ต้องทำ Cookie Policy ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Food Delivery และผู้ประกอบการร้านอาหารที่ให้บริการจัดส่งอาหารออนไลน์ ยังมีอีกหลายมิติที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย PDPA อาทิ กิจกรรมด้านการตลาด การส่งต่อหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อคู่ค้า ร้านสาขาอื่น หรือส่งไปต่างระเทศ การกำหนดระยะเวลาในการเก็บและทำลายข้อมูลที่เหมาะสม มาตรการในการป้องกันความเสี่ยงของข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะเกิดการรั่วไหล รวมถึงการทำบันทึกรายกายและบันทึกข้อมูลการขอให้สิทธิของเจ้าของข้อมูลที่อาจจะต้องมีแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้การรับรอง ทั้งหมดนี้ยังเป็นเรื่องที่ ละเอียด จึงต้องศึกษาวิเคราะห์อย่างถูกต้อง หรือจัดให้มีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย PDPA เพื่อปรับแนวทางให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย

 

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม