PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand
ปัญหาหนึ่งที่มีความอ่อนไหวในยุคที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) คือ การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดเก็บไว้ตามหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ที่ยิ่งทวีความรุนแรงจนกล่าวได้ว่าเป็นภัยคุกคามหนึ่งในยุค Digital ที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ด้านต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน ดังนั้น การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลหนึ่ง ๆ เท่านั้น แต่อาจจะนำไปสู่ความเสียหายทางชื่อเสียง และทางการเงินของบุคคลนั้น ๆ ได้อีกด้วย จากการนำไปใช้ในทางทุจริตของบุคคลอื่น เช่น การนำไปใช้เพื่อการแอบอ้างตัวตน ฉ้อโกง รวมถึง โทษ PDPA เพิ่มเติมอีกด้วย
ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยทั่วไปข้อมูลส่วนบุคคลของคน ๆ หนึ่ง จะมีการจัดเก็บในฐานข้อมูลส่วนตัว (ทั้งด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และอย่างเป็นระบบหรือไม่เป็นระบบ) และถูกจัดเก็บโดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงได้ และเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถเปลี่ยนคุณค่าให้เป็นราคาได้ จึงมีความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เช่น
การโจมตีทาง Cyber โดย Hacker หรือผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะเจาะเข้าสู่ระบบ Computer หรือเครือข่าย (Network) ของหน่วยงาน และนำข้อมูลต่าง ๆ ออกไปใช้ประโยชน์ทางทุจริตได้
การสูญหาย หรือถูกขโมยอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และ Computer ที่มีการจัดเก็บข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของเรา ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร หรือลูกค้าของหน่วยงาน
ความผิดพลาดของมนุษย์ ที่มีสาเหตุมาจากการขาดความระมัดระวังที่ดีเพียงพอ เช่น การเปิด e-Mail หรือการกด Link ที่น่าสงสัย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเราติด Malwares และทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลได้ในที่สุด 
การแบ่งปันข้อมูลที่ไม่เหมาะสม เช่น การแสดงข้อมูลส่วนตัวของเรา หรือบุคคลอื่นในสื่อสังคม Online หรือการส่งข้อมูลให้กับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่มีความน่าเชื่อถือ
การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลในวันนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคน ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ที่มีการกล่าวถึงมากขึ้นในสังคมไทย คือ กฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องสิทธิของเจ้าของข้อมูล และกำหนดบทลงโทษสำหรับบุคคล และหน่วยงานที่ละเลยการปกป้องและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ชื่อเสียง และทรัพย์สินของบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูล ซึ่งในที่นี้ เราจะขอกล่าวถึงบทลงโทษต่อการละเลย และผู้ฝ่าฝืนจะมี โทษ PDPA ที่ประกอบด้วยโทษทางปกครอง โทษทางอาญา และโทษทางแพ่งที่ต้องรับผิดต่อเจ้าของข้อมูล
โทษ 3 ชั้น เมื่อทำข้อมูลส่วนบุคคล “รั่ว”
ในกรณีที่บุคคล หรือหน่วยงาน ละเลยต่อปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จนเป็นเป็นที่มาของเหตุการณ์ข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานเกิดการรั่วไหลไปสู่สาธารณะหรือบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี จะมี โทษ PDPA : 3 ชั้น คือ
โทษชั้นที่ 1 โทษทางปกครอง 
หากเกิดข้อมูลรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคลแล้วไม่แจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ตามกฎหมายอาจได้รับโทษสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท และอาจจะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลแล้วเข้าข่ายได้รับโทษกระทงอื่น ๆ อีก ดังนี้
1. โทษปรับทางปกครองไม่เกิน 1,000,000 บาท
กรณีความผิด :
    • มาตรา 23 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อนหรือระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรานี้
    • มาตรา 30 วรรคสี่ กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่ดำเนินการตามคำขอเข้าถึงและขอรับสำเนา
    • มาตรา 39 วรรคหนึ่ง กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ทำบันทึกรายการ RoPA ตามมาตรานี้
    • มาตรา 41 วรรคหนึ่ง กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ของตนในกรณีที่กฎหมายกำหนด
    • มาตรา 19 วรรคสาม ไม่ขอความยินยอมตามแบบหรือข้อความที่คณะกรรมการกำหนด และวรรคหก ไม่แจ้งผลกระทบจากการถอนความยินยอม
2. โทษปรับทางปกครองไม่เกิน 3,000,000 บาท
กรณีความผิด :
    • มาตรา 21 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบตามมาตรานี้
    • มาตรา 22 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเก็บข้อมูลโดยไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกินจำเป็น
    • มาตรา 24 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลตามมาตรานี้ (เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีฐานทางกฎหมายอื่นรองรับ)
    • มาตรา 25 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นโดยไม่ปฏิบัติสอดคล้องตามมาตรานี้
    • มาตรา 27 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือนอกขอบเขตวัตถุประสงค์
    • มาตรา 28 และ 29 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลโอนข้อมูลไปต่างประเทศ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
    • มาตรา 32 วรรคสอง กรณีเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิคัดค้านแต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลยังใช้ข้อมูลต่อไป
    • มาตรา 37 ผู้ควบคุมไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรานี้ (4) แจ้งเหตุละเมิดภายใน 72 ชั่วโมงหลังทราบเหตุ หรือขอความยินยอมโดยการหลอกลวงหรือทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดวัตถุประสงค์ หรือการส่งหรือโอนข้อมูลโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 29 วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม
3. โทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5,000,000 บาท
กรณีความผิด :
    • มาตรา 26 ผู้ควบคุมข้อมูลที่ฝ่าฝืนเก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวโดยไม่ได้รับความยินยอม
    • มาตรา 27 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือนอกขอบเขตวัตถุประสงค์
    • มาตรา 28 และ 29 กรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลอ่อนไหวตามมาตรา 26 ไปต่างประเทศ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีอำนาจสั่งลงโทษปรับทางปกครอง ในกรณีที่เห็นสมควรคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจะสั่งตักเตือนก่อนก็ได้ และการพิจารณาออกคำสั่งโทษปรับทางปกครอง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งพฤติกรรมที่กระทำผิด ขนาดกิจการ หรือพฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบด้วย
PDPA ปรับจริง 7 ล้านบาท เหตุ “ภาคเอกชน” ทำข้อมูลรั่วไหล อ่านเพิ่มเติม >> คลิก 
โทษ PDPA
โทษชั้นที่ 2 โทษทางอาญา
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีอาญาและต้องรับโทษจำคุกและปรับตามที่ PDPA กำหนด โดยโทษจำคุกสูงสุดอาจถึง 1 ปี และโทษปรับสูงสุดอาจถึง 1 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด คือ
– ถ้าทำให้เจ้าของข้อมูลเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ได้รับความอับอาย โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับกรณีความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ผู้อื่น
– ถ้าเกิดจากการแสวงหาประโยชน์ของผู้กระทำผิด หรือให้แก่ผู้อื่นโดยทุจริต ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษชั้นที่ 3 โทษทางแพ่ง
ค่าเสียหาย : ผู้เสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูลสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้ ซึ่งอาจรวมถึงค่าเสียหายที่เกิดจากความเสียหายทางวัตถุและจิตใจ และค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันและระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย
ค่าปรับเพิ่มเติม : โดยศาลอาจจะสั่งให้ผู้กระทำผิดต้องชำระค่าปรับเพิ่มเติม แต่ต้องไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหาย และค่าสินใหมทดแทนที่แท้จริง เพื่อเป็นการลงโทษและสร้างการตระหนักรับผิดชอบแก่ผู้กระทำผิด
– อายุความ : 3 ปี นับจากวันที่ผู้เสียหายได้รับรู้ถึงความเสียหาย และรู้ตัวผู้ควบคุม และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องรับผิด หรือ 10 ปี นับแต่วันที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานและบุคลากรผู้รับผิดชอบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ข้างต้น ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยเสี่ยงใด ๆ การศึกษาและปฏิบัติตาม PDPA จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในวันนี้ และต่อ ๆ ไป เพราะหากหน่วยงานยังคงละเลยต่อความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองได้เก็บและใช้ จนเกิดเหตุการณ์การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น นอกจากจะต้องเผชิญกับโทษ 3 ชั้นที่รออยู่ ยังอาจจะรวมถึง โทษทางสังคมที่สังคมจะไม่ให้อภัยคุณด้วย
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม