1 มิถุนายน 2568 – ครบรอบ 3 ปี PDPA วันแห่งการบังคับใช้ “กฎหมาย PDPA” เต็มรูปแบบ
Recap จากจุดเริ่มต้น.. สู่ Standard ใหม่ของประเทศไทย
PDPA Thailand ชวนทุกท่านมาย้อนดูถึงวิวัฒนาการ และความเปลี่ยนแปลงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ “PDPA” ประเทศไทยเปลี่ยนไปอย่างไร?
ปี 2565: จุดเริ่มต้นของ “PDPA”
– วันที่ 1 มิถุนายน 2565 กฎหมาย PDPA เริ่ม “บังคับใช้” ทั้งฉบับ อย่างเป็นทางการ หลังจากมีการ “ประกาศใช้” ในปี 2562
– “ภาคประชาชน” เริ่มรับรู้ถึงสถานะ และได้ยินคำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data)” อย่างจริงจัง
– ทุกองค์กร รับรู้ถึงสถานะ และสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย (RoPA, Privacy Notice etc.)
แม้จะรู้แค่คำว่า “PDPA คืออะไร” ก็นับเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการสร้างสังคม Data Protection ของประเทศไทย
ปี 2566: ปีแห่งการปรับตัว
– องค์กรเริ่มตระหนักถึงความสำคัญ และหันมาศึกษาเกี่ยวกับวิธีการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น
– เกิดความนิยม และความสนใจด้านการฝึกอบรมเกี่ยวกับ PDPA มากขึ้น / การทำตามกฎหมายเริ่มเป็นรูปธรรม มีการแต่งตั้ง “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)” เป็นต้น
– การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ถูกตั้งคำถามหลักในสังคม ทั้งในเรื่องของ วิธีการ ความถูกต้อง และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลว่าดีพอแล้วหรือไม่?
กฎหมาย PDPA กลายเป็นสิ่งที่องค์กรดำเนินการได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การประกาศใช้เป็นกฎหมาย
ปี 2567: การปรับใช้และบูรณาการ
– การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่สำคัญในการดำเนินการขององค์กร
– ภาคประชาชน เริ่มตระหนักถึง “สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” และเกิดการใช้สิทธิในเรื่องต่าง ๆ
– เกิดเคสปรับทางปกครอง “ครั้งแรก” ของประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://pdpathailand.com/pdpa-news/personal-data-protection-1st-fine-penalty/
กฎหมาย PDPA กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการในองค์กร เช่น การกำหนดให้แยก Account สำหรับการทำงานและการใช้ส่วนตัว, การล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขณะที่ไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น
ปี 2568: เกิดเป็นมาตรฐานใหม่ของไทย
– PDPA สำคัญมากยิ่งขึ้นในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาททุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่ภาคธุรกิจ ในภาคประชาชนก็เข้าถึงได้โดยง่าย
– เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รับรู้ถึงสิทธิ และใช้สิทธิมากยิ่งขึ้น ทำให้องค์กรจำเป็นต้องมี “มาตรการรองรับการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” ที่ถูกต้อง และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
องค์กรต้องมีความโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อใจให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า, คู่ค้า, พันธมิตร ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง









