PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

ลงบทความเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2566 (ปรับปรุงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2566)

      ในอดีตภาคธุรกิจได้นำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้เกิดกฎหมาย PDPA ขึ้นมาเพื่อคุ้มครอง ทำให้มีการระมัดระวังในการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้ภายใต้การประกาศกฎหมาย PDPA ที่มีรายละเอียดค่อนข้างอ่อนไหว อีกทั้งยังต้องอาศัยการตีความตามข้อกฎหมาย โดยมีหลายกรณีที่มีการฟ้องร้องหรือถูกปรับเงินเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดการตีความตามข้อกฎหมาย อันเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องคดีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้สามารถกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า DPO (Data Protection Officer) หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญมากในทุกองค์กร

     องค์กรลักษณะไหนที่จำเป็นต้องแต่งตั้ง DPO ตามกฎหมาย PDPA 

     กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA มาตรา 41) มีบทบัญญัติในประเด็นนี้ว่า ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลจะต้องกำหนดให้มี DPO ประจำ ในกรณีดังต่อไปนี้

    • เป็นองค์กรสาธารณะหรือหน่วยงานรัฐตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เช่น กรมการกงสุล ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมโรค เป็นต้น 
    • มีกิจกรรมหลักที่ตรวจสอบผลข้อมูลหรือระบบสม่ำเสมอและจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการสอดส่องดูแล/ตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย ธนาคาร/ผู้ให้บริการด้านการเงิน ธุรกิจประกัน บริการโซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชันบริการขนส่งเดลิเวอรี่ บริษัทจัดหางาน ห้างสรรพสินค้าที่มีระบบสมาชิก บริษัทรักษาความปลอดภัยข้อมูล ธุรกิจสื่อสาร/บริการอินเทอร์เน็ต และอื่นๆ เป็นต้น อ่านบทความเกี่ยวกับมาตราที่ 41 (2) เพิ่มเติม https://pdpathailand.com/news-article/pdpa-mdes-41/
    • มีกิจกรรมหลักเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหว (มาตรา 26) เช่น โรงพยาบาล ผู้ให้บริการด้านการแพทย์และการรักษา เป็นต้น 

     หากองค์กรไม่มี DPO ตามหลักเกณฑ์ มีโทษปรับตามกฎหมาย !

     หากไม่มีการแต่งตั้ง DPO ในองค์กรที่เข้าข่าย มีทั้งโทษความผิดทางแพ่ง ความผิดทางอาญา และยังมีโทษทางปกครองที่เป็นค่าปรับที่สูงพอสมควร โดยเฉพาะองค์กรที่กฎหมายระบุว่าต้องแต่งตั้ง DPO แต่ไม่มีการดำเนินการจะมีโทษทางปกครองโดยปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

dpo in action อบรม pdpa dpo

     บทบาทหน้าที่ของ DPO 

     ตามข้อกำหนดในกฎหมาย PDPA บทบาทหน้าที่ของ DPO ควรมีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะเป็นบุคลากรในองค์กรหรือจัดจ้างเจ้าหน้าที่จากภายนอก (Outsource) ก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรเป็นสัญญาระยะสั้น โดยหน้าที่ของ DPO มีดังต่อไปนี้

    • ให้คำแนะนำแก่เจ้าของธุรกิจและเจ้าหน้าที่ภายในบริษัทให้สามารถดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
    • ตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงลูกจ้าง/ผู้รับจ้างในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย อาทิ การจัดทำแบบประเมินความเสี่ยงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัท (DPIA: Data Protection Impact Assessment) เป็นต้น
    • ทำหน้าที่ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัท อาทิ จัดการคำขอใช้สิทธิ หรือข้อร้องเรียนต่างๆ เป็นต้น
    • ส่งเสริมให้ภายในบริษัทมีค่านิยมในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนล่วงรู้หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ DPO

*ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลเป็นผู้รับผิดชอบต่อการแสดงออกและการดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรเสมอ DPO หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองครองข้อมูลส่วนบุคคลมิใช่ผู้ที่รับผิดชอบโดยส่วนตัว

      DPO จะต้องได้รับความสะดวกจากผู้ควบคุมข้อมูล/ผู้ประมวลผลข้อมูลในการปฏิบัติหน้าที่ มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหรือแผนกอื่นๆ ในองค์กร มีอำนาจ และจะต้องสามารถรายงานไปยังบรรดาผู้บริหารสูงสุด (Top Management) เช่น บอร์ดบริหารของผู้ควบคุมข้อมูล/ผู้ประมวลข้อมูลได้โดยตรงในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น เป็นต้น

     ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของ DPO หรือแจ้งให้ DPO ออกจากการปฏิบัติหน้าที่หรือยกเลิกสัญญาการจ้างด้วยเหตุที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย PDPA ทำให้ทราบว่าตำแหน่งเจ้าหน้าที่ DPO มีสถานะที่กฎหมายคุ้มครองด้วย 

     การกำหนดตำแหน่ง DPO ขององค์กร กล่าวได้ว่าเป็นการดำเนินการตาม “หลักความรับผิดชอบ” (Accountability) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุว่าคุณต้องรับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมาย และมีหลักฐาน/ข้อพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการตามกฎหมายด้วย

     สุดท้ายแล้ว กฎหมาย PDPA มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เพราะฉะนั้นบุคลากรภายในบริษัทควรมีความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักร่วมต่อการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการองค์กรธุรกิจทุกแห่งควรฝึกอบรม จัดคอร์สเรียน หรือจัดกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมความรู้และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัทควบคู่ด้วยกัน จึงกลายเป็นแนวทางในการรับมือกฎหมาย PDPA ที่ถูกต้อง

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม