PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

สมาคม คือ การรวมกลุ่มบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือเพื่อดูแลผลประโยชน์ของสมาชิกเป็นหลัก แต่ต้องไม่ใช่เพื่อการหากำไร หรือแบ่งปันรายได้ ซึ่งมีสถานะเป็น ‘นิติบุคคล’ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยต้องมีสมาชิกเริ่มก่อตั้ง 3 คนขึ้นไป มีกิจกรรมที่มุ่งเน้นทั้งตัวบุคคล และธุรกิจ ดังนั้นสมาคมจึงมีการดำเนินกิจกรรมใน 2 ลักษณะ คือ เป็นทั้ง B2C และ B2B และทำให้สมาคมแต่ละแห่งอาจมีจำนวนสมาชิกตั้งแต่หลักสิบคน ไปจนถึงหลักแสนคนเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกภายในสมาคมจำนวนมาก ทั้งสมาชิกเก่าและใหม่ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสมและปลอดภัย ก็จะนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยง่าย ซึ่งจะทำให้สมาคม หรือคณะกรรมการของสมาคมมีความผิดตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) เนื่องจากสมาคมมีสถานะอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเป็น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ตามกฎหมาย PDPA

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา มีสมาคมรายใหญ่หลาย ๆ ด้าน อาทิ ประกันภัย สถาบันการเงินและธนาคาร ตลอดจนสมาคมวิชาชีพแหนงต่างๆ มีการจัดทำรูปแบบของสมาคมให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย PDPA กันอย่างเร่งด่วน เพราะดูเหมือนว่า ‘เส้นตาย’ ได้ใกล้เข้ามาทุกขณะ ซึ่งในที่นี้เราได้มีการสรุปกิจกรรมด้านต่าง ๆ ของสมาคมที่เข้าข่ายต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

 

กิจกรรมของ ‘สมาคม’ แง่มุมไหนบ้างที่เข้าข่าย PDPA

1.เก็บ รวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (Personal Data) อาทิ ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน เบอร์โทร อีเมล ฯลฯ ของคณะกรรมการและสมาชิก ซึ่งแม้สมาคมที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมแก่สมาชิก แต่ก็เพื่อประโยชน์ในงานด้านทะเบียนสมาชิก ดังนั้นหากมีการกระทำใด ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่นั้นให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และได้รับความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

2. เก็บ รวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว (Sensitive Data) หรือข้อมูลที่อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะก่อให้เกิดอคติ ความไม่เป็นธรรม เกลียดชัง เลือกปฏิบัติ หรือเสื่อมเสีย อาทิ สมาคมที่เกี่ยวข้องกับ เด็ก ผู้พิการ บุคคลไร้ความสามารถ ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแตกต่าง บุคคลหลายสัญชาติ ผู้เคยต้องโทษทางกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งกฎหมาย PDPA ระบุว่าการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลให้เก็บรวบรวมได้เท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายและ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแจ้งขอความยินต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจน

3.ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ผู้ประมวลผลข้อมูล (Data Processor) ซึ่งเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีหน้าที่เก็บ รวมรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของผู้ควบคุมข้อมูล เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก และอาจรวมถึงข้อมูลผู้ติดตามของสมาชิกที่เป็นบุคคลภายนอกให้แก่ บริษัทนำเที่ยวเพื่อกิจกรรมดูงาน สัมมนา หรือสันทนาการในรูปแบบต่าง ๆ

4.เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น ที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง เช่น สมาคมมีการรวบรวมหรือขอข้อมูลจากสมาชิกจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งกฎหมาย PDPA ห้ามไม่ให้ทำ ยกเว้นว่า ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูลไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

5.เปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ กรณีนี้เช่น กิจกรรมด้าน Business Matching การออกบูท หรือออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศภายใต้การจัดการของสมาคมซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกแก่ต่างชาติ ซึ่งกฎหมาย PDPA ระบุว่าต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล รวมถึงประเทศต้นทางต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

8 คำแนะนำที่ ‘สมาคม’ ควรทำเพื่อรับมือกฎหมาย PDPA

สมาคมอาจมีอีกหลายกิจกรรมที่เข้าข่ายจะต้องดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับกฎหมาย PDPA ที่กำลังบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 นี้ โดยมีแนวทางในการดำเนินการดังนี้ :

1.แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล หรือ DPO (Data Protection Officer) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง และมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ให้คำแนะนำ กำหนดทางปฏิบัติในด้านข้อมูลส่วนบุคคลของสมาคม และประสานกับคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2.ทำรายการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล หรือ RoPA (Records of Processing Activities) ซึ่งหากสมาคมมีการเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยก็ต้องมีทำบันทึกรายการไว้

3.กรณีที่สมาคมจำเป็นต้องเก็บ รวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมากก็อาจจะต้องทำการประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ DPIA (Data Protection Impact Assessment) ไว้ด้วย

4.จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy notice) และหากมีเว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลด้วยคุกกี้ก็ต้องทำ Cookie Policy ด้วย

5.จัดทำระบบหรือเอกสารขอความยินยอม (Consent) จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

6.จัดทำข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Sharing Agreement) ในกรณีของสมาคมที่มีการส่งต่อข้อมูลให้แก่บุคคลภายนอก

7. ดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงสิทธิเพื่อการร้องขอให้ดำเนินการใด ๆ เช่น แก้ไข ระงับ ถ่ายโอน หรือทำลาย ซึ่งสมาคมที่มีข้อมูลบุคคลเป็นจำนวนมากควรมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในบทบาทหน้าที่นี้

8.ดำเนินการในด้านไอทีหรือมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการรั่วไหลทั้งจากบุคคลภายนอกและภายใน

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งรูปแบบกิจกรรม และแนวทางในการปฏิบัติของสมาคมเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ยังคงเป็นหลักปฏิบัติในเบื้องต้น เนื่องจากบริบทของแต่ละสมาคมมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน แต่จะสังเกตได้ว่า ภายใต้กฎหมาย PDPA ที่มุ่งเน้นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้องค์กรธุรกิจและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ตระหนักและระมัดระวังการเก็บ รวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ปราศจากการยินยอม ขณะเดียวกันยังให้สิทธิในการขอให้แก้ไข ระงับ ยกเลิกหรือทำลายได้อีกด้วย

ดังนั้น ‘การขอความยินยอม’ จากเจ้าของข้อมูล จึงเป็นยันต์ผืนแรกที่จะช่วยปกป้ององค์กรจากความยุ่งยากจากการละเมิดที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับแคล้วคลาดปลอดภัยได้ตลอดไป เนื่องยังมีอีกหลากหลายแง่มุมที่สมาคม และผู้ประกอบการในภาคธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อองค์กรในระยะยาว เห็นได้จากกรณีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศที่นำไปสู่การฟ้องร้องจนยืดเยื้อที่เสียทั้งเงิน ชื่อเสียง และเวลา

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม