Pichitchai Sangnak

Pichitchai Sangnak
Pichitchai Sangnak

[Spoiler Alert] มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีย์สงครามส่งด่วน ตอนที่ 6

วันที่ “สันติ” CEO ของ Thunder Express ดิ้นเฮือกสุดท้าย ปล่อยที่เด็ดโปรโมชั่น หวังจะเป็นยูนิคอร์นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการลอจิสติกส์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติที่สุดยอดและมีประสิทธิภาพที่สุด — แต่เมื่อสายพานหยุดหมุน ซอร์สโค้ดหายวับ ทุกอย่างก็ “หยุดนิ่ง”

 

เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือ “รุ่ยเจี๋ย” โปรแกรมเมอร์อัจฉริยะผู้ขึ้นระบบให้ Thunder Express ตั้งแต่ยังเป็นแค่ ตัวทดลอง เขาคุมทีมไอทีเกือบสิบชีวิตให้ปั่นงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ผ่านสไตล์การบริหารที่หลายคนอาจเรียกว่า “นรกบนดิน” เพราะคำหยาบคือเครื่องมือหลักในการกระตุ้น Productivity แต่ในความโหดร้ายนั้น มันก็สร้างทีมที่มีสปิริตสูงส่งอย่างน่าประหลาด —ทุกคนคงคิดว่า “ถ้าทนหัวหน้าปากแบบนี้ได้ งานถึกแค่ไหนก็ทนได้ทั้งนั้น”
และในทีมนี้เอง ก็มี “ลีนุกซ์” — โปรแกรมเมอร์รุ่นแรกที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับรุ่ยเจี๋ยมาตั้งแต่วันแรก เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดในการดูแลระบบควบคุมสายพานทั้งหมดของคลังสินค้า
 
แต่เรื่องมันพลิกผันในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด…
แม่ของลีนุกซ์ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และเขาจำเป็นต้องหาเงินก้อนใหญ่มารักษา ในวันที่ชีวิตถูกบีบจนมุม ลีนุกซ์ตัดสินใจทำในสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันกล้าทำ: เขาแอบเจาะระบบและหยุดสายพานลำเลียงสินค้าทั้งคลัง ในวันที่บริษัทต้องจัดส่งสินค้ามากที่สุดในรอบปี —
 
วันที่เดิมพันคือ “การเอาชนะคู่แข่ง/คู่แค้นในตลาด” และในวินาทีแห่งชีวิตนั้น ลีนุกซ์ก็กดลบซอร์สโค้ดทั้งหมดที่เคย Deploy เอาไว้ในระบบ ไม่มี Backup ไม่มี Shadow Copy ไม่มีแผน B ใด ๆ
 
การกู้ระบบกลับไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น บริษัทต้องหยุดระบบเกิน 20 ชั่วโมง ขณะที่สินค้าอีกมหาศาลค้างสต๊อก ลูกค้ารอของไม่ถึง เสียหายทั้งรายได้ ความเชื่อมั่น และศักยภาพทางการแข่งขัน — หายนะที่ใหญ่พอจะทำให้ยูนิคอร์นกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ในชั่วข้ามคืน
 
แล้วธุรกิจควรเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?
บทเรียนแรกคือ “เทพที่สร้างระบบที่ดีที่สุด อาจจะไม่ได้สร้างระบบที่ปลอดภัยที่สุด” — รุ่ยเจี๋ยอาจเก่งระดับเทพ แต่เขาลืมสร้างระบบที่ “ต้านความผิดพลาดจากมนุษย์” พื้นที่ Server ใต้อาคารที่ใครก็เดินเข้าได้โดยไม่มี Lock ไม่มี Access Control ไม่มีการแยกสิทธิ์ใช้งาน Root ไม่มี Log Audit ที่ตรวจสอบได้ว่าใครทำอะไร เมื่อไหร่ ด้วยสิทธิ์อะไร — คือการเปิดประตูให้คนคนเดียวสามารถ “สั่งหยุดทั้งจักรวาล” ได้โดยไม่มีใครรู้ตัว
ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่มี Backup ที่ดีพอ ไม่มี DR (Disaster Recovery) Plan ที่พร้อมใช้ ขาดการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ Business Continuity Plan (BCP) ไม่มี Snapshot ที่สามารถ Restore ได้ในนาทีวิกฤติ เรียกว่าทั้งองค์กร เอาชีวิตไปฝากไว้กับคนคนเดียว โดยไม่มี “ตาข่ายนิรภัย” ใด ๆ รองรับไว้เลย
 
และถ้าระบบนี้มีข้อมูลลูกค้าปะปนอยู่ด้วย — การกระทำของลีนุกซ์เท่ากับเป็น Data Breach ขนานใหญ่ทันที เพราะไม่มีอะไรจะหยุดเขาจากการ “ก็อปข้อมูลทั้งหมดออกไป” และเอาไปทำอะไรก็ได้
 
Data Governance: คำที่หลายบริษัทคิดว่า “ไว้ทีหลัง” แต่มักสายไปเสมอ
ในสถานการณ์นี้ มันชัดเจนว่า Thunder Express ไม่มี Data Governance ที่แท้จริง — ไม่มีใครมองภาพรวมของข้อมูล กระบวนการ ระบบ และคน ไปพร้อมกันอย่างเป็นระบบ
 
เพราะ Data Governance ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ข้อมูล” แต่คือการควบคุม ทั้งระบบนิเวศของการทำงานดิจิทัล ตั้งแต่ใครเข้าถึงข้อมูลได้บ้าง – ข้อมูลนั้นเก็บไว้ที่ไหน – มีแผนสำรองหรือไม่ – ระบบมีความต่อเนื่องหรือเปล่า – ความเสี่ยงแต่ละจุดอยู่ตรงไหน และใครเป็นเจ้าของ
 
Data Governance ไม่ใช่แค่ “ป้องกัน Data Leak”
แต่คือการออกแบบธุรกิจให้ยืนอยู่ได้แม้ในวันที่แย่ที่สุด — โดยที่ระบบยังทำงาน ข้อมูลยังปลอดภัย และผู้บริหารยังรู้ว่า “ต้องดูตรงไหนก่อน” ไม่ใช่รอให้คนในพังระบบก่อน แล้วค่อยย้อนดูว่าเราไม่มีอะไรเลย
 
Data Governance & PDPA ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสารสวย แต่มันอยู่ในทุกๆกระบวนการทำงานขององค์กร
โชคดีของสันติที่ ลีนุกซ์ ไม่ลบข้อมูลของคู่ค้า ร้านค้าและลูกค้าไปด้วย หรือไม่ขโมยข้อมูลเหล่านี้ไปขายให้ เคน หรือเอาไปขายให้มิจฉาชีพ
“เพราะไม่เช่นนั้น Thunder Express จะเป็นอีก 1 เคสของการถูกฟ้องตาม PDPA (พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562) เพราะนอกจากจะเสียชื่อเสียง ข้อมูลหายแล้ว มีสิทธิถูกปรับทางปกครองจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ของ PDPA ซึ่งจะทำให้เงินก้อนสุดท้ายสูญเปล่า”
 
ถ้าสันติ CEO ของ Thunder Express เคยได้เรียนรู้ Data Governance & PDPA อย่างเข้าใจมาก่อน เขาคงไม่เอาเงินทุนก้อนใหญ่ที่ได้มายากเย็น ไปลงกับแค่ “ระบบที่ทำงานได้” โดยไม่ใส่ใจเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล และ ความมั่นคงของระบบ เพราะ Data Governance & PDPA ไม่ได้สอนให้แค่รักษาข้อมูล แต่บังคับให้เรามี “มาตรการ” ที่ครอบคลุมทั้งระดับองค์กร ระดับระบบ IT และระดับพฤติกรรมคนในองค์กร
 
Zero Trust คือหลักการสำคัญที่สันติควรเข้าใจ — ไม่ว่าใครจะสนิทหรือเก่งแค่ไหน คุณไม่ควรไว้ใจใครคนเดียวให้เข้าถึงทุกอย่างได้โดยไม่มีการควบคุม
 
“เสี่ยวหยู” ในฐานะ CFO เองก็มีบทเรียนสำคัญที่ควรตระหนัก วิเคราะห์ผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact) ป้องกันวิกฤตองค์กร งบที่ใช้สร้าง Backup, Redundancy และ Risk Mitigation อาจดู “ไม่จำเป็น” ในตอนแรก
 
แต่เมื่อวันหายนะมาถึง คุณจะรู้ว่าการเสียระบบไป 20 ชั่วโมงนั้น มันไม่ได้แค่เสียเงิน — มันคือความเชื่อมั่นที่พังแบบไม่มีวันกู้กลับ
และถ้าเสี่ยวหยูมีมุมมองด้าน Risk Assessment ที่ลึกขึ้นอีกนิด เธอจะเริ่มถามคำถามสำคัญแบบนี้:
– มีช่องโหว่อื่นที่อาจทำให้ระบบหยุดได้อีกไหม?
– เรามีมาตรการอะไรในการตรวจสอบและอุดช่องโหว่นั้น?
– มีใครเคยประเมินความเสี่ยงเชิงเทคนิคเลยหรือไม่?
 
สรุป: ธุรกิจที่ดีไม่ใช่แค่ “วิ่งเร็ว” แต่ต้อง “กันล้ม” ให้ดีด้วย
Thunder Express ไม่ได้ล้มเพราะแข่งขันไม่ได้ แต่ล้มเพราะไม่ได้กันตัวเองจากภัยภายใน
คุณอาจมีทีมที่เก่งที่สุด ระบบที่เร็วที่สุด เงินทุนที่เยอะที่สุด — แต่ถ้าคุณไม่มีการวางระบบควบคุมที่ปลอดภัย ไร้ Backup ไร้มาตรการ PDPA ไร้ Data Governance ไร้การบริหารความเสี่ยง และขาดมุมมองแบบ Zero Trust
 
เขียนโดย: อาจารย์พงษ์ศักดิ์ ธัมประพาสอัสดร – Chief Innovation Officer บริษัท DBC Group จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จาก PDPA Thailand

ขอขอบคุณรูปภาพ: Netflix Thailand

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม