PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

     หลังการมีผลบังคับใช้ทั้งฉบับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection   Act : PDPA) เป็นผลให้ทุกหน่วยงานเร่งปฏิบัติบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งการจัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว การขอความยินยอม การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ยังมีขอบเขตการบังคับใช้ถึงหน่วยงานราชการด้วย ซึ่งการที่จะพิจารณาว่าหน่วยงานราชการได้อยู่ภายใต้บังคับของ PDPA หรือไม่นั้น ต้องไม่ใช่หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ  ความมั่นคงทางการคลังของรัฐ หรือการรักษาความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นิติวิทยาศาสตร์ หรือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาจะต้องอยู่ภายใต้บังคับของ PDPA ซึ่งการปฏิบัติให้สอดคล้องตามกฎมหายฉบับนี้นั้นจะต้องพิจารณาว่ามีกฎหมายเฉพาะที่กำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วหรือไม่ หากใช่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎมายว่าด้วยเรื่องนั้น ๆ โดยต้องนำ PDPA มาปฏิบัติเพิ่มเติมในบางส่วน

     ปัจจุบันการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐจะอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 (Official Information Act : OIA) ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไปที่หน่วยงานราชการจะต้องปฏิบัติเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่เนื่องจากกฎหมายฉบับดังกล่าวมีเหตุผลในการประกาศใช้เพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิในทางการเมืองได้ และเนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นการที่ให้อำนาจหน่วยงานราชการในการที่จะสามารถเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานต่อสาธารณะได้ ซึ่งข้อมูลนั้นครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลด้วย

     การบังคับใช้ของ PDPA นั้น เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นหลักการทั่วไป ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ต้องการให้ผู้ควบคุมข้อมูลห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหากไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่มีฐานทางกฎหมายอื่นมารองรับ

     จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ มีความต่างกันในวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้ ดังนั้น การปฏิบัติตามกฎหมายทั้ง 2 ฉบับของหน่วยงานภาครัฐจึงต้องพิจารณาถึงขอบเขตการบังคับใช้ของกฎหมาย คือ OIA แม้จะเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ทั่วไปกับหน่วยงานราชการ แต่การบังคับใช้นั้นไม่มีขอบเขตรวมไปถึงภาคเอกชนด้วย ซึ่ง

     PDPA เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไปทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า OIA เป็นกฎหมายเฉพาะที่บังคับใช้กับหน่วยงานราชการเท่านั้น นำไปสู่การที่หน่วยงานราชการเหล่านั้นจะต้องปฏิบัติตาม PDPA คือ ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหน่วยงานราชการต้องดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ PDPA ด้วย แม้ในเรื่องเหล่านี้จะมีการกำหนดไว้ใน OIA แล้วก็ตาม กล่าวคือ หาก OIA กำหนดอย่างใดไว้ หน่วยงานราชการจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับดังกล่าว แล้วค่อยนำส่วนที่นอกเหนือจาก OIA แต่กำหนดไว้ใน PDPA ปฏิบัติเพิ่มเติม แต่ในส่วนที่กฎหมายทั้ง 2 ฉบับเขียนไว้ในเรื่องเดียวกัน ก็ต้องบังคับในส่วนนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ และในกรณีเกี่ยวกับการร้องเรียน อำนาจของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญออกคำสั่งเพื่อคุ้มครองเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล อำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตาม PDPA ในกรณีที่กฎหมายเฉพาะนั้นไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการร้องเรียน หรือกรณีที่กฎหมายเฉพาะนั้นมีบทบัญญัติที่ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาเรื่องร้องเรียนตามกฎหมายนั้นออกคำสั่งเพื่อคุ้มครองเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล แต่ไม่เพียงพอเท่ากับอำนาจของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตาม PDPA และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายนั้นร้องขอต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผู้เสียหายยื่นคำร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ

     แม้หน่วยงานราชการจะมีกฎหมายที่กำกับดูแลข้อมูลซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ยังมีความจำเป็นในการที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับ PDPA เพื่อเป็นประโยชน์กับหน่วยงานในการป้องกันการถูกล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลคลและการเกิดความเสียหายจากการร้องเรียนจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

unnamed (1)-min
นางสาวชไมพร วุฒิมานพ
ที่ปรึกษากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จาก PDPA Thailand
pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม