ในยุคดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าอย่างมาก การใช้งานข้อมูลนี้ในธุรกิจช่วยสร้างโอกาสมากมาย แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลเช่นกัน ดังนั้นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีแบบแผน และมีมาตรฐานให้องค์กรในการปฏิบัติตาม จึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย GDPR ที่ใช้ในสหภาพยุโรป เช่นเดียวกับประเทศไทยที่รู้จักกันในชื่อ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมาย PDPA
PDPA Thailand นำเสนอ แนวคิดที่ได้รับความนิยมหรือรู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อของ การออกแบบความเป็นส่วนตัว Privacy by Design และ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตั้งแต่เริ่มต้น Privacy by Default ที่ควรรู้
แนวคิด Privacy by Design (PbD) และ Privacy by Default (PbD)
เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล แนวคิด การออกแบบความเป็นส่วนตัว Privacy by Design (PbD) และ การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวตั้งแต่เริ่ม Privacy by Default (PbD) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดย
แนวคิดการออกแบบความเป็นส่วนตัว เน้นการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดยมีหลักการสำคัญ 7 ประการ:
1. การป้องกันไว้ก่อน
2. ความเป็นส่วนตัวเป็นค่าเริ่มต้น
3. ฝังความเป็นส่วนตัวในการออกแบบ
4. ฟังก์ชันการทำงานครบถ้วนโดยไม่ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว
5. การรักษาความปลอดภัยตลอดวงจรชีวิตของข้อมูล
6. ความโปร่งใสและการตรวจสอบได้
7. การเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ส่วน การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวตั้งแต่เริ่มต้น หมายถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้อยู่ในระดับสูงสุดในค่าเริ่มต้น ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจและปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ตั้งแต่เริ่ม
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ได้กำหนดกรอบกฎหมายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
นิยามของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหว
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูล
เงื่อนไขในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
บทลงโทษทางแพ่งและอาญาสำหรับผู้ละเมิดกฎหมาย
อ่าน “9 ขั้นตอนทำ PDPA ยังไงให้สอดคล้องกับกฎหมาย (ฉบับง่าย)” >> คลิก
ความสัมพันธ์ระหว่าง Privacy by Design กับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
แม้ว่า PDPA จะไม่ได้ระบุถึงแนวคิดนี้โดยตรง แต่มาตราหลายมาตราสะท้อนถึงแนวคิดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น มาตรา 37 ที่กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกันในเรื่องการรักษาความปลอดภัยตลอดวงจรของข้อมูล
ประโยชน์ของการนำ Privacy by Design มาใช้ในการปฏิบัติตาม PDPA
ลดความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมาย: การออกแบบระบบและกระบวนการทำงานโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวตั้งแต่เริ่มต้น ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการละเมิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
สร้างความไว้วางใจจากลูกค้าและผู้ใช้บริการ: องค์กรที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ
เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล: การนำแนวคิดนี้มาใช้ ช่วยให้องค์กรมีระบบการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนและความผิดพลาดในการจัดการข้อมูล
ลดต้นทุนในการแก้ไขปัญหา: การป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขระบบ การจัดการกับการละเมิดข้อมูล หรือค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
การนำ Privacy by Design มาใช้ในองค์กร
จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้บริหารและพนักงานในองค์กร
สร้างแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับการนำแนวคิดการออกแบบความเป็นส่วนตัว มาใช้ในบริบทที่เหมาะสม
ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างองค์กร
พัฒนาเครื่องมือและแนวทางการประเมินความสอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบความเป็นส่วนตัว
ข้อจำกัดของการนำ Privacy by Design มาใช้ในองค์กร
การขาดความเข้าใจในหลักการและการนำไปปฏิบัติ
ต้นทุนในการปรับเปลี่ยนระบบและกระบวนการทำงาน
การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว









