PDPA Thailand

PDPA Thailand
PDPA Thailand

General Data Protection Regulation หรือ GDPR เป็นกฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล โดยข้อมูลส่วนบุคคลตามนิยามของ GDPR คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงข้อมูลที่นำมารวมกันแล้วสามารถใช้ระบุอัตลักษณ์ของบุคคลได้ เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล หมายเลขบัตรประจำตัว IP Address 

แนวคิดพื้นฐานของ Data protection ‘by design’ and ‘by default’ มีการใช้อยู่ในกระบวนการทางวิศวกรรมบางสาขา แต่จะรู้จักกันในชื่อ Privacy by Design (PbD) และได้ถูกนำมาใช้อย่างหลากหลายหลังการบังคับใช้กฎหมาย GDPR เนื่องจากมีการกำหนดไว้ชัดใน Articles 25 (1) และ (2) จึงถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก และเนื่องจากการกำหนดถึง Data protection ‘by design’ and ‘by default’ ไว้ชัดใน GDPR ทำให้ ประเทศไทยได้กำหนดไว้ในเรื่องดังกล่าวด้วยเนื่องจากการที่นำกฎหมาย GDPR เป็นต้นแบบในการบัญญัติกฎหมายคุ้มครองข้อมุลส่วนบุคคลขึ้น ส่งผลให้องค์กรที่จัดอยู่ในกลุ่มขอบเขตการทำงานที่มีกิจกรรมประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วย ก็ควรจะต้องพึงระวัง และศึกษาแนวคิดพื้นฐานไว้ เพื่อการจัดการดูแลข้อมูลอย่างเป็นระบบ

แล้ว Data protection by design and by default คืออะไร ?

  • Data Protection by Default (การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยค่าเริ่มต้น) เป็นการกำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ โดยการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเชื่อมโยงหลักการพื้นฐานการใช้ข้อมูลอย่างจำกัดและการจำกัดวัตถุประสงค์ เช่น ไม่มีการเลือกอัตโนมัติในหน้าบัญชีลูกค้า
  • Data Protection by Design (การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยการออกแบบ) เป็นการกำหนดเพื่อให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล โดยเริ่มจากการออกแบบระบบ บริการ และกระบวนการต่าง ๆ ตลอดถึงการกำหนดวงจรชีวิตของข้อมูล กล่าวคือเป็นการวางแผนมาตรการทางเทคนิคและทางการจัดการองค์กร 

ซึ่งหลักการพื้นฐานของ Data Protection by Design จะมีหลักการเดียวกับ Privacy by Design (PbD) ซึ่งเป็นการวางแผนจะต้องครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการออกแบบระบบ ซึ่งมีหลากหลายเทคนิคที่จะช่วยป้องกันข้อมูลไม่ให้ถูกใช้จนเกินขอบเขตที่ระบุ และยังป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลอีกด้วย 

หลัก 7 ประการของ Privacy by Design (PbD) มีอะไรบ้าง

  1. Proactive not Reactive; Preventative not Remedial 

หรือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตั้งแต่กระบวนการออกแบบ เป็น วิธีการเชิงรุกไม่ใช่เชิงรับหรือ เน้นเชิงป้องกัน ไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ไข (before-the-fact, not after) ตัวอย่างเช่น Google Chrome จะมีข้อความแจ้งเตือนเสมอเมื่อเรากำลังจะเข้าเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งการตัดสินใจว่าเข้า หรือไม่เข้าเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของเราเอง

  1. Privacy as the Default Setting 

เป็นแนวทางในการออกแบบ ให้กระบวนการทางธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ มีความสามารถในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างอัตโนมัติ หากเจ้าของข้อมูลใช้บริการหรือใช้ผลิตภัณฑ์ ข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องได้รับความคุ้มครอง โดยที่ไม่ต้องออกแรง ตั้งค่าใดๆ เลย เช่น เวลาที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ เว็บไซต์จะมีช่องให้เลือกว่าจะยินยอมทำตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของหรือไม่ และยินยอมให้นำข้อมูลไปประมวลผลหรือไม่ ซึ่งช่องเหล่านั้นต้องไม่ถูกเลือกก่อนล่วงหน้า  (ผู้ใช้จะต้องตัดสินใจเองโดยไม่มีการถูกบังคับ)

  1. Privacy Embedded into Design 

เป็นการนำหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผสมผสานเข้ากับการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ สถาปัตยกรรมของระบบเทคโนโลยีดิจิทัลและกระบวนการทางธุรกิจ ไม่ใช่การเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งจะทำให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของทุกการออกแบบ เพื่อให้บริการหรือผลิตภัณฑ์สามารถคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการนำเอาหลัก การจัดเก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น (Data Minimization) มาใช้

  1. Full Functionality – Positive-Sum, not Zero-Sum

เจ้าของข้อมูลสามารถที่จะปฏิเสธการให้ข้อมูลกับผู้ให้บริการได้ แต่ยังสามารถใช้งานบริการได้เหมือนเดิม ห้ามบังคับให้เจ้าของข้อมูลให้ข้อมูลกับผู้ให้บริการ โดยใช้คุณสมบัติบางประการของบริการเป็นตัวประกัน เช่น หาก เจ้าของข้อมูลปฏิเสธการให้ตำแหน่งปัจจุบันในโทรศัพท์มือถือ Google Map ก็ยังให้บริการแผนที่ได้เหมือนเดิม เพียงแค่ผู้ใช้ต้องพิมพ์ระบุตำแหน่งปัจจุบันเองเท่านั้น

  1. End-to-End Security – Full Lifecycle Protection 

เอาใจใส่ในการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลตั้งแต่ขั้นตอน เก็บรวบรวม ใช้ หรือส่งต่อ จนกระทั่งทำลาย ซึ่งโดยทั่วไปอาจจะใช้การเข้ารหัสข้อมูล และการพิสูจน์ตัวตนก่อนเข้าถึงข้อมูลร่วมในทุกขั้นตอน และรวมถึงการรวบรวมข้อมูล จะต้องมีระบุฐานทางกฎหมายที่ถูกต้อง และเมื่อหลังจากนำมาประมวลผลแล้ว ควรมีการทำลายตามที่ได้กำหนดไว้ในนโนบายการจัดเก็บข้อมูลหรือตามกฎหมายด้วย

  1. Visibility and Transparency – Keep it Open 

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรจะได้รับรู้ว่า องค์กรมีการจัดการกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเขาอย่างไร และองค์กรจะต้องเปิดเผยและสื่อสาร ให้เจ้าของข้อมูลได้รับรู้ ผ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. Respect for User Privacy – Keep it User-Centric 

การออกแบบไม่ว่าจะเป็นบริการหรือผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการทางธุรกิจ จะต้องยึดถือให้ผู้ใช้เป็นหลัก เช่น ต้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างอัตโนมัติ  หรือมีการแจ้งเตือนที่เหมาะสม และออกแบบให้ผู้ใช้งานใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์ง่ายที่สุด

ยิ่งแล้วใหญ่กับนักการตลาด นักวางแผนธุรกิจที่จำเป็นต้องมีการเก็บรวบรวม ใช้ เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลพนักงานในองค์กร ลูกค้า คู่ค้า) ดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินการทางธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งหลายๆท่านอาจเกิดคำถามว่า เราทำถูกต้องไหม ? ใช้ข้อมูลถูกต้องไหม ? เก็บข้อมูลถูกต้องไหม ? PDPAThailand ช่วยคุณได้ด้วยบริการให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย บริการตรวจสอบการบริหารจัดการ ตรวจสอบกระบวนการทำงาน และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดย Digital Business Consult (DBC) >>> ต้องการอ่านรายละเอียดบริการ คลิก ! 

pdpa guru
dpo in action อบรม pdpa dpo
DPO ภาครัฐ PDPA
หลักสูตร PDPA in Action
DPAC อบรม PDPA Internal Audit
PDPA Guru Google Forms EP8
DPOinActionรุ่น19 1200x300
DPO in Action TU - 1200x300
Advanced PDPA in Action สำหรับภาคเอกชน
Banner DPAC 1200x300
dpo รวม