เก็บข้อมูลผู้เข้าพักอย่างไร ในขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าพัก (Checked-in Process) ให้ถูกต้องตาม PDPA

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : ไพศาล สามิภัตย์

เก็บข้อมูลผู้เข้าพักอย่างไร ในขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าพัก (Checked-in Process) ให้ถูกต้องตาม PDPA

แชร์

อ่าน

ครั้ง

โดย : ไพศาล สามิภัตย์

        จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง Hotel limousine กับ PDPA สิ่งที่ต้องกังวลเมื่อส่งข้อมูลไปนอกโรงแรม ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการรับส่งผู้เข้าพักจากสนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ไปยังโรงแรม ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ ในบทความนี้จะกล่าวถึง กระบวนการการลงทะเบียนเข้าพัก (Checked-in Process) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เมื่อลูกค้าได้ทำการค้นหาที่พัก เปรียบเทียบราคา ทำการจองห้องพักและได้เดินทางมาที่โรงแรม สิ่งแรกที่ผู้เข้าพักจะต้องทำคือการลงทะเบียนเข้าพัก ซึ่งการที่โรงแรมจะสามารถดำเนินการให้ครอบคลุมตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โรงแรมต้องพิจารณาจากวงจรการไหลเวียนข้อมูล ตั้งแต่ การเก็บ การเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย และการทำลายข้อมูล

         ในการเก็บข้อมูลการลงทะเบียนเข้าพัก โดยทั่วไปแล้วข้อมูลที่มีการจัดเก็บในกระบวนการนี้ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน/เลขหนังสือเดินทาง อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ช่วงเวลาการเข้าพักและการเดินทาง หลักฐานการโอนเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลการแพ้ทางร่างกายและอาหารที่แพ้ ข้อมูลโรค สภาพความพิการ เป็นต้น

      ในการจัดเก็บข้อมูลทางโรงแรมสามารถใช้ฐานสัญญา ตามมาตรา 24 (3) ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป ของผู้เข้าพักได้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการการตามสัญญาใช้บริการ ในส่วนข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive data) เช่น ข้อมูลการแพ้ ข้อมูลโรค ซึ่งเป็นสุขภาพ โรงแรมควรใช้ฐานความยินยอม (Consent) ตามมาตรา 19 ประกอบมาตรา 26 โดยการขอความยินยอม นั้นอาจทำเป็นเอกสารกระดาษหรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ควรขอความยินยอมเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะที่ลูกค้าทำการลงทะเบียนเข้าพัก ต้องมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บที่ชัดเจน ต้องใช้รูปแบบของข้อความที่เข้าใจง่าย ต้องให้ความอิสระกับผู้เข้าพักโดยไม่เป็นการบังคับให้ต้องเลือกหรือเป็นการเลือกไว้แล้วล่ววงหน้า ต้องไม่มีเงื่อนไขในการให้บริการ และต้องแจ้งผลกระทบการถอนความยินยินยอม

ภาพแสดงตัวอย่างการขอความยินยอมที่ถูกต้อง

               นอกจากหนังสือขอความยินยอมแล้ว ทางโรงแรมต้องมีการแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy notice) ให้ผู้เข้าพักทราบในจุดต่างๆ เพื่อแจ้งรายละเอียดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาจแจ้งผ่านหน้าเว็บไซต์ ทางอีเมล เอกสาร หรือผ่านทาง QR code เพื่อให้ผู้เข้าพักทราบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของโรงแรม โดยต้องมีรายละเอียดขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ได้แก่

  1. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย
  2. แจ้งให้ทราบถึงกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติ ตามกฎหมายหรือสัญญาหรือรวมทั้งแจ้งถึง ผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูล
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวมและระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้
  4. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย
  5. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ
  6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

               เว็บไซต์                                    ป้ายประกาศ                                 QR Code                              ข้อความเสียง

ภาพแสดงตัวอย่างช่องทางการแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว

        ในบางโรงแรมอาจมีการเก็บข้อมูลศาสนา โดยขอบัตรประชาชนผู้เข้าพักและทำการถ่ายเอกสารบัตรประชาชนซึ่งอาจมีข้อมูลศาสนาติดไปด้วย ซึ่งข้อมูลศาสนานั้นถือว่าเป็นข้อมูลอ่อนไหว (Sensitive data) การประมวลผลต้องขอความยินยอมหากไม่สามารถหาฐานทางกฎหมายอื่น ตามมาตรา 26 มารองรับได้ หากโรงแรมยังจำเป็นในการที่จะต้องเก็บรวบรวม โรงแรมควรมีมาตรการให้มีการเซ็นหรือขีดกำกับแจ้งวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูลก่อน แต่หากไม่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลในส่วนนี้ควรมีการขีดฆ่าหรือถมดำก่อนที่จะมีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว

        ในการเก็บรักษา โดยส่วนใหญ่ข้อมูลที่มีการจัดเก็บจะมีทั้งรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และรูปแบบกระดาษ ในส่วนรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นโรงแรมอาจมีการใช้ระบบจัดการข้อมูล โรงแรมควรมีการกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลให้พนักงานแต่ละคน เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล กรณีที่เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่ไม่ได้มีการใช้ระบบ เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อาจมีการกำหนดการเข้าถึงโดยใช้การตั้งรหัสผ่าน ในการเข้าถึงเอกสารเฉพาะบุคคล ในส่วนรูปแบบกระดาษ โรงแรมควรมีการจัดเก็บในพื้นที่มีการกำหนดการเข้าถึงว่าบุคคลระดับใดบ้างที่เข้าถึงได้และอาจมีการล็อคกุญแจ

         เมื่อผู้เข้าพักได้ทำการเช็คเอ้าแล้ว เอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงแรมมีการเก็บนั้นควรพิจารณากรอบความจำเป็นในการเก็บ ว่ามีระยะเวลาเท่าใด และหากไม่มีความจำเป็นแล้ว โรงแรมต้องทำลายเอกสารหรือข้อมูลดังกล่าวทิ้ง ซึ่งข้อมูลที่โรงแรมจัดเก็บโดยทั่วไปจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือเอกสารกระดาษ อาจกำหนดการทำลายด้วยเครื่องย่อยกระดาษ การเผา หรือการส่งให้บริษัทที่ทำหน้าที่ทำลายเอกสาร ส่วนกรณีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์อาจใช้วิธีการลบ หรือทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

         กระบวนการการลงทะเบียนเข้าพัก (Checked-in Process) เป็นกิจกรรรมที่มีความสำคัญเนื่องจากมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากขั้นตอนการจองห้องพัก มีการเก็บข้อมูลจำนวนมากทั้งข้อมูลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว หากโรงแรมไม่มีมาตรการที่เพียงพอในเก็บการรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พัก ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความสำคัญและระมัดระวัง เพราะจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเข้าใช้บริการ รวมถึงเพื่อป้องกันโอกาสในการรั่วไหลหรือการล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อเป็นการสร้างมั่นใจให้กับผู้เข้าพัก ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูล (Data Subject) ในกิจกรรมนี้ ว่าเมื่อมาใช้บริการของท่านแล้ว ข้อมูลจะได้รับการคุ้มครองอย่างมั่นคงและปลอดภัย

วิทยากร E-Larning-13
ไพศาล สามิภัตย์
ที่ปรึกษากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จาก PDPA Thailand

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีข่าวการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการกระทำของแฮกเกอร์ที่เข้ามาเจาะระบบ ทั้งจากการป้องกันการหลุดรั่วของข้อมูลส่วนบุคคลที่หละหลวม PDPA Thailand และวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 นับจากวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่กฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ PDPA Thailand จึงรวบรวมเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึง พ.ศ.2566 มาให้ดูกัน     เมษายน 2561 ข้อมูลลูกค้า True Move H หลุดรั่ว ฐานข้อมูลลูกค้า Truemove H ที่สมัครซื้อซิมพร้อมมือถือผ่าน iTruemart หลุดรั่วจำนวน 64,000 ราย ที่มา https://www.beartai.com/news/it-thai-news/233905   กันยายน 2563 โรงพยาบาลสระบุรี ถูกแรนซัมแวร์โจมตี “โรงพยาบาลสระบุรี” ถูกไวรัสแรนซัมแวร์ แฮกฐานข้อมูลระบบบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลประวัติเก่าหรือให้บริการออนไลน์ได้ ที่มา https://www.sanook.com/news/8248818/   กุมภาพันธ์ 2564 ที่ว่าการอำเภอถลาง ใช้กระดาษรียูส ด้านหลังเป็นใบสำเนามรณบัตร สาวจดทะเบียนสมรส ได้ใบเสร็จพ่วงมรณบัตร สาเหตุจากการใช้กระดาษรียูสในการออกใบเสร็จ แต่เคสนี้เจ้าหน้าที่เผลอนำใบสำเนามรณบัตรมาใช้ ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/south/2543643   สิงหาคม 2564 Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี สายการบิน Bangkok Airways ถูกแรนซัมแวร์โจมตี คนร้ายลอบขโมยข้อมูลลูกค้าออกไปได้กว่า 100GB ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล, เพศ, สัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่ และอีเมล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เช่น
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวไกลไปมากทำให้การดำเนินการต่าง ๆเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น ตั้งแต่การเดินทางรวมถึงกระบวนการทำงานต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในองค์กรที่มีการนำวิทยาการนำมาใช้ ได้แก่ สถานพยาบาลนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนั้นมีนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความสะดวกสบาย เช่น ใช้หุ่นยนต์ในการส่งแฟ้มเอกสารระหว่างแผนก หรือการใช้ระบบต่างเพื่อรวบรวมข้อมูลคนไข้ไว้ที่เดียวกันเพื่อสะดวกต่อการค้นหา ซึ่งกระบวนการหนึ่งที่มีการใช้งานได้แก่ การส่งต่อรูปถ่าย ซึ่งปัจจุบันนั้นวัตถุประสงค์หลัก ๆในการส่งรูปถ่ายจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการรักษาหรือติดตามอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ มันมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้เป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ และหากจำเป็นต้องมีการใข้ข้อมูลภาพถ่ายจะต้องใช้อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องตามหลักของ PDPA ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ถือว่าเป็นข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่ จากที่เราทราบกับข้อมูลอ่อนไหว ได้แก่ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายคนไข้นั้นถือได้ว่าเป็นข้อมูลสุขภาพ ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการคุ้มครองและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561 ที่นี้เมื่อทราบว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว จึงจำเป็นต้องมีแนวหรือหลักการเพื่อให้การใช้ข้อมูลรูปถ่ายเป็นไปตามหลักของ PDPA หากจำเป็นต้องใช้ ต้องทำอย่างไร โดยหลักการของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ข้อมูลตราบเท่าที่จำเป็น เช่นกัน การใช้ข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ก็ควรจะต้องมีการใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเช่นกัน โดยเมื่อจำเป็นต้องมีการเก็บมูล จำเป็นต้องมีการขอความยินยอมก่อน รวมถึงมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลภาพถ่ายคนไข้ ซึ่งการแจ้งประกาศนั้นอาจจะมีเป็นการแจ้งเป็นประกาศความเป็นส่วนตัวของ คนไข้หรือลูกค้าตามแต่กรณี ต่อมาในการใช้งานหรือประมวลผลควรใช้เท่าที่จำเป็นซึ่งได้แก่ใช้เพื่อรักษาหรือติดตามอาการเท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อเหตุอื่น ถามว่าการเอารูปถ่ายคนไข้ให้หมอท่านอื่นดูได้หรือไม่ เพราะบางครั้งหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้นอาจจำเป็นต้องมีการนำภาพคนไข้ เพื่อปรึกษากับหมอท่านอื่น ตัวอย่างเช่น กรณีคนไข้มารักษาสิว เมื่อทำการรักษาแล้วหากพบว่าบริเวณที่รักษามีปัญหาขึ้นมา กรณีเช่นนี้หากเป็นไปเพื่อการรักษาและติดตามอาการก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงความจำเป็นดังกล่าว โดยอาจจะสื่อสารผ่านตัวประกาศความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วนั้นหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้ต้องมีความระมัดระวังในการเผยแพร่รูปถ่ายคนไข้ด้วย แม้จะมีการแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือคนไข้แล้วก็ตาม โดยหมอที่เป็นเจ้าของไข้นั้น ควรมีความระมัดระวังในการที่จะไม่เผยแพร่ภาพถ่ายคนไข้ดังกล่าวไปสู่หมอ รวมถึงบุคลกรทางการแพทย์ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนไข้ให้รับทราบ นอกจากนี้ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันนั้นวิทยาการด้านการสื่อสารสามารถส่งต่อข้อมูลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางอีเมล Messenger เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อมีการส่งข้อมูลรูปถ่ายคนไข้ไป จำต้องมีคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ตัวอย่าง ไม่ควรส่งรูปถ่ายคนไข้ผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะ เช่น Line เป็นต้น หรือหากจำเป็นต้องมีการส่งจริง ๆก็ควรมีมาตรการในการป้องกันการเข้าถึงด้วยตัวอย่างเช่น อาจจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัส โดยส่งรหัสดังกล่าวไปให้ปลายทางรับทราบพียบท่านเดียวเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าวถึงมือผู้รับจริง และมีเพียงแต่ผุ้รับรหัสเท่านั้นที่จะสามารถเปิดดูข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ได้ โดยภาพรวมนั้นสถานพยาบาลมีกิจกรรมหลาย ๆกิจกรรมที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มี่ความอ่อนไหว เช่น กิจกรรมการนำภาพถ่ายคนไข้มาใช้เพื่อติดตามผลการรักษาคนไข้ ทั้งนี้สามรถทำได้แต่จำเป็นต้องมีแนวทางหรือกระบวนการบางอย่างมาเป็นมาตรฐานในการส่งต่อข้อมูล นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
จากบทความครั้งที่แล้ว เรื่อง Hotel reservation ไม่เกี่ยวกับ PDPA จริงหรือ ? ที่ได้มีการกล่าวถึงกระบวนการการจองที่พักในหลายรูปแบบ เช่น เว็บไซต์ เอเย่น walk-in ในวันนี้เราจะมากล่าวถึงกระบวนการที่ต่อเนื่องกันคือ กระบวนการการรับส่งจากสนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ไปยังโรงแรม ในบางกรณีผู้เข้าพักบางท่านอาจมีความต้องการใช้บริการรถรับส่งเพื่อให้รับจากสนามบินมายังโรงแรมเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก รูปแบบการรับส่งที่สนามบินโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Inhouse limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง Outsource limousine คือ กรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม ในกรณีที่โรงแรมมีบริการรับส่งด้วยตัวเอง (Inhouse limousine)  โดยทั่วไปข้อมูลของผู้เข้าพักจะถูกโรงแรมเก็บมาแล้วจากขั้นตอนการจองห้องพัก แต่อาจมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นการยืนยันตัวผู้เข้าพักอีกครั้ง การนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการนี้ โรงแรมต้องมีการระบุวัตถุประสงค์นี้เข้าไปในประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก (Privacy notice) และแจ้งให้ผู้เข้าพักทราบในขั้นตอนการรับจองห้องพัก หรือจะแจ้งอีกครั้งเพื่อเป็นการแจ้งย้ำให้ผู้เข้าพักทราบก็ย่อมทำได้ นอกจากนี้ การที่โรงแรมนำข้อมูลมาใช้ประมวลผลในกระบวนการนี้สามารถใช้ฐานสัญญา ตามมาตรา 24(3) ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนการเข้าทำสัญญาใช้บริการ ในกรณีที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทรับส่งภายนอก ให้ดำเนินการรับส่งผู้เข้าพักแทนโรงแรม หรือ Outsource limousine ทางโรงแรมอาจจะมีการส่งรายชื่อของผู้ที่จะเข้าพักให้กับบริษัท Outsource limousine ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูล ชื่อ นามสกุล รายละเอียดการเดินทางและการเข้าพัก เป็นต้น การที่โรงแรมมีการจ้างบริษัทภายนอกให้ดำเนินการด้านการรับส่ง บริษัทรับส่งนั้นทำตามภายในนามหรือภายใต้คำสั่งโรงแรมนั้น บริษัท Outsource limousine จึงมีสถานะเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ซึ่งตามมาตรา 40 วรรค 2 กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ต้องจัดให้มีข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อควบคุมการดำเนินการตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ระหว่าง โรงแรมกับบริษัท Outsource limousine  ควรมีการทำข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement : DPA)  ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ประมวลผล ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดมาตรฐานในการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลและขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยรายละเอียดของข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล
thThai

ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบ