เนื่องจากได้มีการประกาศเผยแพร่มติคณะรัฐมนตรีในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการที่มีประกาศแต่งตั้งประธานกรรมการ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครบ 10 ท่านถ้วนตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทยในการมีองค์กรที่จะบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฏหมาย PDPA ตามโครงสร้างการบังคับใช้ของกฏหมาย โดยหากไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ กฎหมาย PDPA ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างแท้จริง
ซึ่งต่อมาก็ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีอำนาจ และหน้าที่ที่ถูกระบุไว้ตามกฎหมาย PDPA หลายประการ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานอย่างราบรื่นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลฯ เช่น การกำหนดนโยบายการบริหารงานและอนุมัติเห็นชอบแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ออกข้อบังคับด้านการจัดการองค์กร การเงิน การบริหารงานบุคคล สวัสดิการของสำนักงาน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจต่อพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ให้แก่สังคมในวงกว้าง
หลายท่านอาจมีความสับสนว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคณะกรรมการ ‘กำกับสำนักงาน’คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่างกันอย่างไร PDPA Thailand สรุปมาให้ผู้อ่านทุกท่านแล้ว ไปดูกันครับ
ตามมาตรา 16 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดให้คณะกรรมการคุ้มครองฯ มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
- จัดทำการดำเนินงานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับนโยบาย
- ส่งเสริม และสนับสนุนหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ดำเนินกิจกรรมตามแผน
- กำหนดมาตรการ หรือแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
- ออกประกาศหรือระเบียบ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
- ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่ง หรือโอนไปยังต่างประเทศ
- ประกาศกำหนดข้อปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลปฏิบัติตาม
- เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้ปรับปรุงกฎหมาย หรือเพิ่มกฎที่ใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความเหมาะสมกับประเทศ
- ให้คำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ เพื่อให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ
- ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ
- ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ตามมาตรา 54 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดให้คณะกรรมการกำกับฯ มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
- กำหนดนโยบายการบริหารงาน และให้ความสนับสนุนแผนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- ออกข้อบังคับว่าด้วยการจัดการองค์กร การเงิน การบริหารงานบุคคล การบริหารงานทั่วไป การตรวจสอบภายใน รวมตลอดทั้งการดูแลสวัสดิการต่างๆ ของสำนักงานฯ
- ดูแลแผนการใช้จ่ายเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานฯ
- ควบคุมการบริหารงานและการดำเนินการของสำนักงานฯ และเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
- การจัดการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเลขาธิการฯ
- ประเมินผลการดำเนินการของสำนักงานฯ และการปฏิบัติงานของเลขาธิการฯ
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัติฯ หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกำกับฯ หรือตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
>>> สรุปง่ายๆ ก็คือ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะเป็นผู้กำหนด กำกับดูแลภาพรวมของกฏหมาย เสนอเพิ่ม รวมถึงแก้ไขกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามข้อกำหนดกฎหมาย แต่คณะกรรมการ ‘กำกับสำนักงาน’คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เป็นผู้ดำเนินงานในส่วนการจัดการเฉพาะด้าน ‘สำนักงาน’ รวมถึงการออกข้อบังคับด้านการจัดการองค์กร การเงิน การบริหารงานบุคคล สวัสดิการของสำนักงาน ฯลฯ โดยคณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นกำลังสำคัญในการเสริมการทำงานของคณะกรรมการเพื่อให้มีความเสถียรภาพของการดำเนินงาน
PDPA Thailand เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความเชี่ยวชาญ และคุณวุฒิของกรรมการทั้งสองชุด หากมีการทำงานประสานร่วมกัน คาดว่าทำให้กฏหมาย PDPA จะได้รับการดำเนินการได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สู่การผลักดันให้ PDPA ถูกบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องสร้างความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้คณะกรรมการตามกฎหมาย PDPA ไม่ได้มีแค่สองคณะนี้ แต่ยังมีด้วยกันถึง 3 ชุด นั่นก็คือ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ที่เราจะมาบอกเล่ากันในโอกาสถัดไป